การดูแลที่นอน

5 TIPS การดูแลที่นอนป้องกันไรฝุ่น และโรคภูมิแพ้ต่างๆ

“จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เข้านอนโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก” ที่นอนคงเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ใครๆหลายคนรักที่สุดในบ้าน เพราะไม่มีที่ไหนจะสุขใจได้มากไปกว่าการได้นอนอยู่บนที่นอนแสนสบายของเรา โดยเฉพาะวันหยุดยาว อยากจะเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนซะทั้งวันไปเลย จะเป็นที่นอน 3.5 ฟุต หรือที่นอน 6 ฟุต ไม่สำคัญว่าเล็กหรือใหญ่ก็นอนได้ทั้งนั้น แต่เดี๋ยวก่อน จะนอนอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องรู้จักทำความสะอาดด้วย วันนี้เรามีวิธีง่ายๆในการดูแล ที่นอน ให้สะอาดพร้อมนอนอยู่เสมอมาแชร์ให้นำไปใช้กันด้วยล่ะ

ไรฝุ่น.. ภัยเงียบใกล้ตัว !!

ไรฝุ่นเป็นสัตว์ขนาดเล็กแบบเดียวกับพวกแมลง แต่มีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ชอบอาศัยอยู่ในที่มืดและที่อับชื้น ชอบอาศัยอยู่บริเวณที่มีเส้นใยให้พวกมันเกาะ เช่น หมอน ที่นอน ผ้าห่ม พรม แต่ด้วยความที่พวกมันมีขนาดเล็กกว่าจุดของดินสอ เราจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเครื่องใช้ต่างๆที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้มีไรฝุ่นอาศัยอยู่หรือเปล่า

รู้หรือไม่ว่า น้ำหนัก 10% ของหมอนที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป เป็นน้ำหนักของไรฝุ่นและมูลของมัน ซึ่งบ้านของคนทั่วไปแล้ว มีไรฝุ่นอยู่กว่า 2 ล้านตัวเลยทีเดียว เอาง่ายๆเฉพาะแค่ฝุ่น 1 กรัมก็มีไรฝุ่นอยู่ 500 ตัวแล้ว น่ากลัวใช่ไหมล่ะ และบริเวณที่มีไรฝุ่นมากที่สุดก็คือเครื่องนอนที่เราใช้นอนกันอยู่ทุกวันนี่เอง

ดูแลที่นอนให้ไม่มีไรฝุ่น

ถึงมันจะแอบอยู่ในหลายซอกมุมของชีวิตเรา แต่ตัวไรฝุ่นไม่ได้มีอันตรายโดยตรง คือมันไม่ได้มากัดหรือปล่อยสารพิษใส่เราโดยตรงอย่างแมลงทั่วไป สิ่งที่อันตรายของไรฝุ่นก็คือมูลของมันนั่นเอง มูลของไรฝุ่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคจมูกอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ โรคผื่นแพ้ และโรคหืดอีกด้วย

ที่เล่ามาทั้งหมดนี่ไม่ได้อยากให้หวาดผวา แต่อยากชวนให้หันกลับมาดูแลความสะอาดภายในบ้านกัน โดยเฉพาะในห้องนอนซึ่งเป็นที่สะสมของไรฝุ่นจำนวนมาก เพราะแทนที่เราจะได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่มกลับกลายเป็นช่วงเวลาที่เราต้องเสี่ยงกับโรคต่างๆมากมายแทน

5 วิธีดูแลที่นอนให้ปลอดภัยไร้ไรฝุ่นกวนใจ

1. เปิดให้แดดเข้าถึงห้องนอน จัดพื้นที่ให้ระบายอากาศได้ดี หมั่นเอาที่นอนไปตากแดด

เนื่องจากไรฝุ่นนั้นไม่ชอบแดดอย่างมาก เบื้องต้นเราจึงควรเปิดม่านหรือเปิดหน้าต่างไว้ให้แดดส่องเข้ามาถึงทุกวัน รวมถึงเปิดให้ลมเข้าเพื่อถ่ายเทอากาศยามที่ไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ สักอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง และที่สำคัญคือ ควรจะนำที่นอน หมอน ผ้าห่ม พรหม ออกไปตากแดดแรงๆ โดยเฉพาะแดดแรงๆของบ้านเรานี่แหล่ะ ตากฝั่งละ 3 ชั่วโมงขึ้นไป จะช่วยฆ่าไรฝุ่นและไข่ของไรฝุ่นได้มากเลยทีเดียว

2. เราซักที่นอนไม่ได้ แต่เราซักปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่มได้

โดยการซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียสจะช่วยกำจัดไรฝุ่นได้ ควรซักอย่างน้อยทุกๆ 1-2 สัปดาห์ และทางที่ดีควรเลือกซื้อที่นอน ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอนที่มีคุณสมบัติป้องกันไรฝุ่นมาใช้ หรือเลือกใช้ผ้ากันไรฝุ่นคลุมบริเวณที่นอนเอาไว้ทุกครั้งที่ไม่ได้ใช้ โดยเลือกผ้าให้เหมาะกับขนาดของที่นอนเพื่อที่จะได้คลุมที่นอนได้ทั่ว เช่นที่นอน 5 ฟุตก็ต้องเลือกผ้าที่ใหญ่กว่านั้นอีก

การดูแลที่นอนให้สะอาด

3.  หมั่นดูดฝุ่นในห้องนอนของเราอย่างเสมอ

แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นอะไรก็ได้นะ ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มี HEPA Filter ซึ่งสามารถดูดและกรองไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าปล่อยให้มีฝุ่นเกาะที่นอนจนหนาเตอะล่ะ นอกจากนั้นก็ควรที่จะปัดฝุ่นบริเวณที่นอนหลังลุกและก่อนเข้านอนทุกครั้ง เพราะทุกๆครั้งที่เรานอน พวกเศษผิวหนังของเราก็จะร่วงหล่นอยู่เสมอ และเศษหนังเพียง 1 กรัมก็สามารถเป็นอาหารของไรฝุ่นจำนวน 1 ล้านตัวได้นานไปถึง 1 สัปดาห์เลยทีเดียว

4. ระวังการนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมเตียงด้วย

ผู้รักสัตว์หลายๆคนมีความรักและผูกพันกับสัตว์เลี้ยงของตัวเองมาก สามารถนอนร่วมเตียงกันได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไรฝุ่นอาศัยอยู่ได้ด้วยอาหารจากเศษผิวหนังและรังแคของคน แต่อาหารที่ดีกว่าสำหรับไรฝุ่นก็คือรังแคจากบรรดาสัตว์เลี้ยงนี่เอง การนำสัตว์ขึ้นที่นอนด้วยจึงอาจจะเป็นไอเดียที่ไม่ดีนักสำหรับคนกลัวไรฝุ่นหรือคนที่เป็นภูมิแพ้

5. ลดพื้นที่สะสมของไรฝุ่นบริเวณที่นอนให้น้อยลงที่สุด

นอกจากที่นอน หมอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน และผ้าปูที่นอนแล้ว ควรจะลดสิ่งอื่นที่ไม่จำเป็น แต่เป็นจุดสะสมที่ดีของไรฝุ่นออกไป อย่างเช่น ผ้าม่านและพรหม เพราะนอกจากจะเป็นบริเวณที่เหมาะในการสะสมตัวของเจ้าไรฝุ่นแล้ว ยังยากต่อการทำความสะอาดอีกต่างหาก

ดูแลที่นอนให้สะอาด

ครบถ้วนไปแล้วสำหรับภารกิจพิชิตไรฝุ่น ณ ที่นอนอันสุขสันต์ของเรา ต้องบอกว่าโดยทั่วไปจากที่เล่ามา ไรฝุ่นนี่ก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว แต่จะมีความน่ากลัวเป็นทวีคูณข้าไปอีกสำหรับครอบครัวที่กำลังมีเบบี้ตัวน้อยๆ เพราะเด็กๆนั้นอาจจะยังมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ เจ็บป่วยได้ง่าย จึงเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้เป็นอย่างมาก และหากเป็นสะสมไปนานๆ โอกาสในการรักษาหายขาดก็ยิ่งน้อยลง ดังนั้นไม่ว่าที่นอนของคุณจะเล็กจะใหญ่ จะเป็น ที่นอน 3.5 ฟุต หรือ ที่นอน 6 ฟุต ก็ต้องหันกลับมารักษาความสะอาดกันอย่างเข้มงวด เพื่อสุขอนามัยของตัวคุณและทุกคนในบ้าน

CR: pinterest.com by kojiarboleda / takacslaurakata / westelm / hr6aw