Central Inspirer เปิด 10 ปัญหาผิวที่เกิดกับสาวไทยมากที่สุด

สำหรับสาวไทย หรือสาวเอเชียที่เกิดและเติบโตในภูมิภาคที่มีอากาศร้อน หรือ Tropical Zone มีแดดจัดเกือบตลอดทั้งปี อีกทั้งยังมีมลภาวะและฝุ่นละอองในอากาศที่เราได้สัมผัสแต่มองไม่เห็น ไม่ว่าเราจะอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำทุกวัน ก็สามารถส่งผลต่อผิวพรรณของเรา ก่อให้เกิดผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ และอีกมากมาย ยิ่งไม่นับว่าสาวท่านใดต้องอยู่กลางแดดจ้าตลอดทั้งวัน เหงื่อไหลไคลย้อย ผิวหน้าและผิวพรรณต้องสกปรก ก่อให้เกิดปัญหาผิวอีกหลากหลายอย่าง

สาวๆ ทราบหรือไม่ว่ามีปัญหาผิวพรรณแบบไหนบ้างที่สาวเมืองร้อนอย่างเราต้องเผชิญ วันนี้ Central Inspirer มี 10 ปัญหาผิวที่เกิดกับสาวไทยมากที่สุดมาเล่าให้ฟัง พร้อมวิธีปกป้องผิว มาดูกันเลยค่ะ

10 ปัญหาผิวที่เกิดกับสาวไทยมากที่สุด

1. ปัญหาผิวหมองคล้ำ

1 DARK SKIN

แน่นอน อาศัยอยู่เมืองไทยที่มีอากาศร้อน และแดดจัดทั้งวัน ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำจึงเป็นปัญหาแรกๆ ที่สาวไทยต้องเผชิญ ปัญหาผิวหมองคล้ำแก้ได้ด้วยการทาครีมบำรุงผิว หรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งหรือกลูต้าไทโอน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยคืนความกระจ่างใสให้ผิวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดดทุกวัน และหมั่นปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยวิธีต่างๆ เช่น กางร่ม สวมหมวก หรือใช้เสื้อคลุม เป็นต้น 

มอยส์เจอไรเซอร์ป้องกันผิวหมองคล้ำ

DECORTEDECORTE ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า AQ Whitening Cream ขนาด 25 กรัม

ราคา 7,200 บาท พิเศษ 6,480 บาท (SAVE 10%)

CHANEL WHITENNINGCHANEL LE BLANC SÉRUM Healthy Light Creator Whitening –

Soothing – Anti-Roughness ขนาด 30 มล.

ราคา 5,500 บาท 

MAMONDEMAMONDE ครีมบำรุงผิว Vital Vitamin Cream ขนาด 50 มล.

ราคา 1,200 บาท 

ครีมกันแดดคุณภาพ

CLARINSCLARINS ผลิตภัณฑ์ UV Plus Anti-Pollution SPF50/Pa+++ Rose ขนาด 50 มล.

 ราคา 2,750 บาท พิเศษ 2,475 บาท (SAVE 10%)

CLINIQUECLINIQUE ครีมกันแดด Even Better City Block Anti-Pollution SPF40/Pa+++ ขนาด 30 มล.

ราคา 1,800 บาท พิเศษ 1,620 บาท (SAVE 10%)

วิธีบรรเทาปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ

วิธีที่ 1 ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างหมดจด

สิ่งสำคัญในการล้างหน้าสำหรับสาวไทย โดยเฉพาะสาวที่ใช้เมคอัพทุกวัน คุณจำเป็นต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้เกลี้ยงเกลาโดยเริ่มจากการใช้ผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอาง หรือ Makeup Remover เช็ดเครื่องสำอางออกให้หมดก่อน จากนั้นจึงล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน และเหมาะสมกับสภาพผิว อาจจะเช็ดหน้าอีกครั้งด้วยโทนเนอร์ตบท้าย โดยเลือกใช้โทนเนอร์ประเภทปราศจากแอลกอฮอล์

Makeup Remover น่าใช้

TOM FORDTOM FORD BEAUTY ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขนาด 150 มล.

ราคา 1,850 บาท พิเศษ 1,665 บาท (SAVE 10%)

BY TERRYBY TERRY ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางสำหรับใบหน้า Baume De Rose Bi-Phase ขนาด 200 มล.

ราคา 1,650 บาท 

คลีนเซฮร์คุณภาพ

ORIGINS CLEANSERORIGINS ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าออริจินส์ Dr. Andrew Weil For Origins™

Mega-Mushroom Skin Relief Micellar Cleanser ขนาด 200 มล.

ราคา 1,750 บาท พิเศษ 1,575 บาท (SAVE 10%)

CLARINS CLEANSERCLARINS คลีนเซอร์ Hydrating Gentle Foaming Cleanser ขนาด 125 มล.

ราคา 1,400 บาท พิเศษ 1,260 บาท (SAVE 10%)

ปิดท้ายการทำความสะอาดด้วยโทนเนอร์

KIEHLS TONERKIEHL’S โทนเนอร์ Calendula Toner Alcohol Free ขนาด 250 มล.

ราคา 1,500 บาท พิเศษ 1,350 บาท (SAVE 10%)

KOSEKOSÉ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า Sekkisei Lotion ขนาด 200 มล.

ราคา 1,450 บาท 

วิธีที่ 2 สครับผิวหน้าเผลัดความหมองคล้ำ

เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้ว เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ง่าย แถมยังเพิ่มความหยาบกร้านและทำให้เนื้อครีมบำรุงผิวไม่สามารถซึมซาบสู่ผิวอย่างล้ำลึกได้ดี หมั่นสครับผิวหน้าเป็นประจำ เพื่อกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ขัดหรือสครับผิวหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ผิวหน้าจะขาวกระจ่างใสขึ้น ช่วยลดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำของสาวเมืองร้อนค่ะ

สครับคุณภาพขจัดความหมองคล้ำ

AESOP SCRUBAESOP ผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้า Purifying Facial Exfoliant Paste ขนาด 75 มล.

ราคา 1,800 บาท

R FACIAL SCRUBLAURA MERCIER สครับเนื้อครีม Flawless Skin Face Polish ขนาด 100 กรัม

ราคา 1,200 บาท พิเศษ 1,020 บาท (SAVE 10%)

วิธีที่ 3 ประคบผิวหน้าและนวดหน้า

เพียงนำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดหมาดมาประคบลงบนผิวหน้าอย่างเบามือ วิธีนี้จะช่วยให้รูขุมขนเปิดออกและกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดบนใบหน้า จากนั้นจึงนวดหน้าด้วยครีมบำรุงผิวสูตรเข้มข้น แต่สำหรับสาวผิวมัน ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์นวดหน้าที่มีส่วนประกอบจากน้ำมัน เพื่อป้องกันการอุดตันรูขุมขนและช่วยไม่ให้หน้ามันเยิ้มจนเกินไป ควรนวดหน้าเป็นวงกลมตามแนวขึ้นไปอย่างเบามือ จนกว่าเนื้อครีมจะค่อยๆ ซึมลงสู่ผิว

วิธีที่ 4 มาส์กบำรุงผิวหน้า

การมาส์กหน้าเพื่อขจัดความหมองคล้ำสามารถเลือกใช้จากแผ่นมาส์กสำเร็จรูป หรือมาส์กแบบสูตรโฮมเมดที่ทำขึ้นเองกได้ โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก โยเกิร์ต น้ำผึ้งและผงขมิ้นมาผสมกันก็จะได้สูตรมาส์กหน้าแบบ DIY ใช้ได้อย่างปลอดภัย 

มาส์กบำรุงผิวหน้าน่าใช้

SK-II MASKSK-II แผ่นมาส์กหน้า Facial Treatment Mask

ราคา 3,570 บาท พิเศษ 3,213 บาท (SAVE 10%)

FOREO MASKFOREO แผ่นมาส์ก สูตร Youth Junkie x 6

ราคา 700 บาท

2. ปัญหาสิว

2 ACNE

การแก้ปัญหาสิวสำหรับสาวไทย หรือสาวในเขตร้อน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องหมั่นรักษาความสะอาดผิวหน้า ควรกำจัดสิ่งสกปรกและมลพิษต่างๆ ที่เกาะตัวและแทรกซึมตามรูขุมขนให้หลุดออกหมดจด ดูแลความชุ่มชื้นของผิวให้อยู่ในจุดที่สมดุลเพื่อลดการทำงานของต่อมไขมันและสร้างฐานผิวให้แข็งแรง วิธีนี้จะช่วยให้ผิวมีความพร้อมในการเผชิญกับอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี

วิธีแก้ปัญหาสิว

วิธีที่ 1 ไม่บีบสิว

เนื่องจากมือของเราถูกใช้งานในลักษณะต่างๆ ทั้งวัน ทำให้อาจมีเชื้อโรค สกปรก หรือมีแบคทีเรียที่ส่งผลกับผิวหน้า ดังนั้นสาวไทยไม่ควรเอามือสัมผัสใบหน้า ไม่ควรบีบสิว  แคะ แกะ หรือเกา เพราะจะทำให้เกิดอาการสิวอักเสบ แหรือทำให้เกิดสิวได้

วิธีที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้า

สาวไทยส่วนใหญ่ใช้เครื่องสำอาง ดังนั้นการล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งหลังจากการใช้เครื่องสำอางจะเป็นตัวช่วยให้ผิวปราศจากสิว เลือกใช้ผลิตภัณฑืทำความสะอาดผิวหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว เพื่อให้ผิวที่สะอาด และปราศจากสิว

วิธีที่ 3 งดสูบบุหรี่ หรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

หากสาวไทยท่านไหนที่รักการปาร์ตี้ รักการกินดื่ม และสูบ คุณสังเกตมั๊ยว่าผิวหน้าคุณมักเกิดสิว และผิวดูหยาบกระด้าง เพราะแอลกอฮอล์ และนิโคตินในบุหรี่เป็นตัวเร่งการเกิดสิวบนผิวหน้า เป็นตัวที่จะเบิร์นใต้ชั้นผิว ดังนั้น หากสาวๆ อยากมีผิวสวย หน้าใส แนะนำให้เพลาๆ หรือลด ละ เลิกการดื่มเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพื่อผิวที่สดใส ชุ่มชื้นจะได้เป็นของคุณไปอีกนานๆ 

วิธีที่ 4  หลีกเลี่ยงการรับประทานของทอดและมัน

ของทอดและของมันเป็นของโปรดของคนไทย ของทอดและของมัน เช่น กล้วยทอด ลูกชิ้น หรือไส้กรอกทอด เกี้ยวทอด เป็นต้น เห็นแล้วก็อดใจไม่ได้ แต่ของทอดทุกชนิดมีผลทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย ผิวมัน และผิวที่เป็นสิว รับประทานแต่น้อยๆ จะได้ไม่เกิดสิวที่ไม่พึงปรารถนาค่ะ

วิธีที่ 5 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนน้อย เนื่องจากนอนไม่หลับ ทำงานหนัก หรือการปาร์ตี้อย่างหามรุ่งหามค่ำ ทำให้เกิดปัญหาสิวอย่างแน่นอน เพราะร่างกายและผิวพรรณของคุณไม่ได้พักผ่อน ทำให้เกิดสิว และทำให้ผิวหมองคล้ำ นอนหลับพักผ่อนวันละ 6-8 ชั่วโมงต่อวันจะดีที่สุดค่ะ

วิธีที่ 6 ดื่มน้ำเปล่ามากๆ 

การดื่มน้ำเปล่าวันละมากๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ผิวไม่ขาดน้ำ แถมยังช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ทำให้ลดการเกิดสิว การขับถ่ายไม่ดีสามารถทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้นดื่มน้ำเปล่ามากๆ ทุกวันให้เป็นกิจวัตร รับรองได้ปัญหาสิวบนผิวหนาจะหมดไป แต่หากคุณมีสิวบนใบหน้ามากๆ ไม่หาย แนะนำให้พบแพทย์ทางด้านผิวหนังเพื่อปรึกษา หาช่องทางในการรักษาจะดีที่สุดคะ

ดื่มน้ำให้เพียงพอ

PHILIPS WATERPHILIPS WATER เหยือกกรองน้ำช่วยลดสารตะกั่วความจุเหยือก 3.4 ลิตรรุ่นAWP2941WHT

ราคา 3,599 บาท

BRITABRITA ถังกรองน้ำ BRITA Flow ขนาด 8.2 ลิตร

ราคา 2,690 บาท 

ZAGIOZAGIO ตู้ทำน้ำร้อน-น้ำเย็น รุ่น YLR-1.5-JX-15

ราคา 5,880 บาท 

3. ปัญหาผิวแห้ง

3 DRY SKIN

ปัญหาผิวแห้งสำหรับสาวไทย จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดูแลความชุ่มชื้นของผิวให้อยู่ในจุดที่สมดุลอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการมาส์กหน้าหรือการทาเซรั่ม ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะช่วยเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวหน้าได้ดีที่สุด 

วิธีแก้ปัญหาผิวแห้ง

วิธีที่ 1 ดื่มน้ำในปริมาณที่มากพอ

ทั้งผู้หญิงและผู้ชายควรดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์ให้เพียงพอต่อควมต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยที่ผู้หญิงควรดื่มน้ำวันละประมาณ 2.7 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 11.5 แก้ว ส่วนผู้ชายควรดื่มน้ำวันละประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน หรือประมาณ 15.5 แก้ว นอกจากการดื่มน้ำจะช่วยให้ในเรื่องความชุ่มชื้นของผิวแล้วยังช่วยเรื่องของการขับถ่าย และสุขภาพในด้านต่างๆ ได้ดีอีกด้วย

วิธีที่ 2 ปกป้องตัวเองจากสภาวะแวดล้อม

ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในประเทศเขตร้อน ชอบนั่งในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิเย็นฉ่ำตลอดทั้งวัน หรือชอบอาบน้ำร้อนที่ร้อนจนเกินไปก็ไม่เป็นการสมควร เพราะจะทำให้ผิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และทำให้ผิวแห้งง่าย ควรอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศแต่พอดี ประมาณ 25 องศาเซลเซียส และหากอาบน้ำอุ่นควรเป็นน้ำอุ่นแต่พอดี แต่การที่เราอาศัยอยู่ในเขตร้อน การอาบน้ำเย็นในอุณหภูมิปกตินั้นสดชื่นที่สุดค่ะ

วิธีที่ 3 ควรทาโลชั่นอย่างสม่ำเสมอ

ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้อน หรือหน้าหนาว สาวไทยควรทาโลชั่นอยู่สม่ำเสมอทั้งผิวหน้า และผิวกาย แต่ต้องเลือกประเภทที่อ่อนโยนต้องประเภทผิวของคุณ และควรเป็นโลชั่นที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ซึ่งจะทำให้ผิวแห้งมากกว่าเดิม

วิธีที่ 4 เอาน้ำใส่แก้ววางไว้ใกล้ตัว

สำหรับสาวไทยที่มีผิวแห้ง ควรนำน้ำเปล่าใส้แก้วแล้ววางไว้ใกล้ตัวทั้งในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือที่ทำงาน โดยเฉพาะในห้องที่มีความแห้งในอากาศอย่างห้องที่เปิดแอร์ เพราะน้ำจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นน้อยลง

วิธีที่ 5 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

อาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อปลา น้ำมันมะกอก มะเขือเทศ บล็อคโคลี เมล็ดข้าวที่ยังไม่ขัดสี ธัญพืช ผักและผลไม้สด ช่วยเพิ่มไขมันให้กับผิว ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้อ้วนขึ้น แต่จะทำให้ผิวมีน้ำมีนวลขึ้น สำหรับคนผิวแห้งควรเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นนะคะ

4. ปัญหาผิวมัน

4 OILY SKIN

ปัญหาผิวมันก็มาพร้อมกับปัญหาผิวแห้งของสาวๆ ในเขตร้อนอย่างสวไทยเรา ผิวพรรณของเราอาจเกิดความมันได้โดยเฉพาะในแถบ T Zone หรือบริเวณหน้าผาก คาง และจมูก ยิ่งสาวท่านไหนที่ออกแดดเป็นกิจวัตรอาจทำให้ผิวหน้ามันเข้าไปใหญ่

วิธีแก้ปัญหาผิวมัน 

วิธีที่ 1 ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่บางเบา

หากคุณรู้ว่าตัวเองเป็นคนผิวมัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่บางเบา ไม่เข้มข้นจนสร้างให้เกิดความมันบนผิวหน้าระหว่างวันได้ อีกทั้งเลือกใช้คลีนเซอร์ หรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยลดความมัน เหมาะกับสาวผิวมัน หรือ Oily Skin โดยเฉพาะ

วิธีที่ 2 กระดาษซับมันช่วยได้

กระดาษซับมันยังคงเป็นที่นิยมใช้ในหมูสาวๆ หรือหนุ่มๆ หน้ามันอยู่ เมื่อคุณรู้สึกหน้ามัน แปะเข้าไป ซับเข้าไป สามารถลดความมันได้ระดับหนึ่งเลยค่ะ

กระดาษซับมันช่วยได้

BEAUTY BUFFETBEAUTY BUFFET จีโน่ แม็คเครย์ กระดาษซับมัน ขนาด 50 ชิ้น

ราคา 99 บาท 

BEAUTY COTTAGEBEAUTY COTTAGE  กระดาษซับมัน ขนาด 50 แผ่น /1 แพค x 3 

ราคา 180 บาท พิเศษ 160 บาท (SAVE 11%)

วิธีที่ 3 ลดของทอด ของมัน

สำหรับคนผิวมัน ของทอด ของมัน ของโปรดของคุณเป็นศัตรูตัวร้ายที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวหน้ามัน ดังนั้นพยายามลดเลิก หรือรับประทานแต่น้อยๆ จะช่วยบรรเทาอาการมันของผิวได้ค่ะ

วิธีที่ 4 นอนหับพักผ่อนให้เพียงพอ

ปัญหาผิวมัน ก็เหมือนปัญหาผิวอื่นที่การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นตัวช่วยสำคัญให้ผิวกลับมาสมบูรณ์ และแข็งแรงได้ การนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวหน้าเกิดความสมดุลและปรับระดับผิวในยามที่คุณนอนหลับ ทำให้ปัญหาผิว และความมันของผิวหน้าลดลงค่ะ

5. ปัญหาจุดด่างดำ

5 DARK SPOTS

ปัญหาจุดด่างดำเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญสำหรับสาวไทย การแก้ปัญหาจุดด่างดำบนผิวหน้านั้นที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดซ้ำๆ หมั่นฟื้นฟูผิวที่มีจุดด่างดำและรอยแดงด้วยการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ พร้อมทั้งใช้ครีมที่มีส่วนช่วยในการควบคุมการผลิตเม็ดสีอย่างกลูต้าเข้าไปดูแลผิวควบคู่กันจะช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ค่ะ

วิธีป้องกันปัญหาจุดด่างดำ

วิธีที่ 1 หลีกเลี้ยงการออกแดด

ปัญหาของเม็ดสีบนผิวหน้าที่สำคัญเกิดจากการอยู่ท่ามกลางแดดจ้าเป็นประจำ ดังนั้นการใช้ครีมกันแดดให้เป็นกิจวัตรรวมทั้งมีอุปกณ์ป้องกันผิวจากแดด ไม่ว่าจะเป็นหมวก ร่มกันแดด หรือใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมผิว รวมทั้งการใส่แว่นกันแดดนั้นช่วยระงับการเกิดจุดด่างดำบนผิวหน้าได้ระดับหนึ่งเลยเชียวค่ะ

วิธีที่ 2 ใช้ผลิตภัณฑ์บรรเทาจุดด่างดำ

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ช่วยบรรเทาจุดด่างดำออกขายและสามารถช่วยคุณบรรเทาได้ ควรเลือกครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน โคจิก และทรานซามิคเพื่อช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวเพื่อลดปัญหาจุดด่างดำไปด้วย หรืออาจเลือกไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ หรือไปปรึกษาแพทย์ด้านผิวพรรณให้ช่วยทำทรีทเม้นท์ทาเฉพาะจุดลงลึกยับยั้งสาเหตุการเกิดจุดด่างดำ

ลิตภัณฑ์บรรเทาจุดด่างดำคุณภาพ ควรมีไว้ใช้

KIEHLS DARK SPOT

KIEHL’S เซรั่มบำรุงผิว Clearly Corrective Dark Spot Solution Jumbo Limited Edition ขนาด 50 มล.

ราคา 3,650 บาท พิเศษ 3,285 บาท (SAVE 10%)

CLINIQUE DARK SPOTCLINIQUE เซรั่ม Clinique Even Better Clinical™ Radical Dark Spot Corrector + Interrupter 

ขนาด 50 มล.

ราคา 4,100 บาท พิเศษ 3,690 บาท (SAVE 10%)

VICHY DARK SPOTVICHY เซรั่มบำรุงผิวหน้า Liftactiv Specialist B3 Serum Dark Spots & Wrinkles ขนาด 30 มล.

ราคา 1,700 บาท พิเศษ 1,530 บาท  (SAVE 10%)

วิธีที่ 3 ใช้ผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยสมานแผลได้ดี ดังนั้นจึงสามารถใช้รักษาจุดด่างดำจากรอยสิวได้ด้วย ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้ให้เลือกใช้ที่ช่วยเรื่องจุดด่างดำ และผิวไหม้หลังโดนแดด  แนะนำให้เลือกใช้ในแบบที่ไม่ผสมน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นได้

วิธีที่ 4 รักษาด้วยเลเซอร์

หากเลือกวิธีการทำเลเซอร์ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการรักษาจุดด่างดำ เพราะมีเลเซอร์หลายชนิดที่สามารถรักษาจุดด่างดำได้ ควรให้แพทย์วินิจฉัยว่าปัญหาจุดด่างดำของคุณนั้นควรใช้เลเซอร์ชนิดใดในการรักษาจึงจะเหมาะสมที่สุด แสงเลเซอร์สามารถเข้าไปทำให้เม็ดสีกระจายตัวและกลายเป็นสะเก็ดแผลหลังทำ หลังจากนั้นจะหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ ควรทำซ้ำอย่างต่อเนื่องทุก 2 อาทิตย์

6. ปัญหาริ้วรอย

6 WRINKLES AND LINES

ปัญหาริ้วรอยบนผิวของสาวไทย และสาวๆ ทั่วโลกนั้นสามารถดูแลได้ด้วยครีมบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เหมาะกับสภาพผิว และควรเลือกใช้ครีมบำรุงที่สามารถฟื้นฟูคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวให้กระชับและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีแก้ปัญหาริ้วรอย

วิธีที่ 1 หมั่นทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ

การทาครีมบำรุงผิวจะช่วยให้ผิวที่แห้งกร้านและเหี่ยวย่น กลับนุ่มชุ่มชื้นและฉ่ำเด้ง เนื่องจากครีมบำรุงผิวมักผสมสารสกัดจากธรรมชาติหลายชนิดที่ส่งผลดีต่อผิวพรรณ เมื่อใช้เป็นประจำก็จะทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส แถมผิวยังเด้ง ไม่แก่เร็วด้วย

ครีมบำรุงผิวช่วยป้องกันริ้วรอยคุณภาพ

CHANEL LE LIFT WRINKECHANEL Le Lift Restorative Cream Oil ขนาด 50 มล.

ราคา 5,800 บาท 

HER HYNESS WRINKLE CREAMHER HYNESS รอยัล เปปไทด์ แอนตี้ ริงเคิล ไวท์เทนนิ่ง ครีม ขนาด 30 มล.

ราคา 1,250 บาท พิเศษ 1,050 บาท (SAVE 16%)

วิธีที่ 2 รับประทานปลาที่มีไขมัน

ปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาแซลมอน ปลาเทราท์ ปลาทู ปลาซาร์ดีนและปลาทะเลชนิดอื่นๆ มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดและป้องกันริ้วรอยก่อนวัยได้

วิธีที่ 3 รับประทานผัก ผลไม้ และถั่วประเภทต่างๆ

ผัก ผลไม้ และกั่ว เช่น อะโวคาโด้ และถั่วเหลืองเป็นตัวช่วยลดการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี อะโวคาโด้เต็มไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งการได้รับไขมันดีที่เพียงพอจะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ส่วนถั่วเหลืองมีสาร Isoflavones ที่ช่วยสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนให้กับร่างกาย ช่วยให้ผิวลื่น มีความยืดหยุ่น สามารถปกป้องผิวจากแสงแดดและยังช่วยลดเลือนริ้วรอยได้

วิธีที่ 4 พอกหน้าด้วยสูตรธรรมชาติ

สูตรพอกหน้าธรรมชาติลดริ้วรอยนั้นมีด้วยกันหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นการใช้กล้วย ข้าวโอ๊ต แตงกวา มะเขือเทศ น้ำผึ้ง หรือนมสด การพอกหน้าเป็นประจำทุกวันด้วยส่วนผสมง่ายๆ ที่ได้ภายในบ้านเหล่านี้จะช่วยให้หน้าชุ่มชื้น ฉ่ำเด้ง และลดเลือนริ้วรอยลงได้

7. ปัญหารูขุมขนกว้าง

7 LARGE PORES

ปัญหารูขุมขนกว้างกับสาวไทยเป็นเรื่องธรรมดา ด้วยอากาศร้อนของเมืองไทย มักทำให้สาวๆ มีปัญหาผิวมันและตามมาด้วยผิวรูขุมขนกว้าง ผลกระทบคือทำให้ผิวหน้าดูหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน แม้จะแต่งหน้าแล้วก็ยังมองเห็นรูขุมขนอยู่ดี ปัญหานี้ถือเป็นปัญหากวนใจสาวหลายคน 

วิธีแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง

วิธีที่ 1 ประคบน้ำแข็ง

หลังจากล้างหน้าจนสะอาดหมดจดแล้ว นำก้อนน้ำแข็งที่สะอาดมาห่อไว้ในผ้าเนื้อบาง แล้วนำมาประคบลงบนใบหน้า ถูวนไปเบาๆ ตามผิวในจุดที่มีรูขุมขนกว้าง ทำเป็นประจำทุกเช้า หรือก่อนนอนครั้งละประมาณ 20-30 วินาที จะช่วยทำให้รูขุมขนกระชับ เล็กลง และช่วยเรียกความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้อีกด้วย 

วิธีที่ 2  ทาผิวด้วยโยเกิร์ต

โยเกิร์ตนอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ยังดีต่อผิวพรรณของเราอีกด้วย ในโยเกิร์ตมีกรดแลคติกและโปรไบโอติกที่มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว กำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างบนใบหน้า ช่วยลดความมัน พอหน้าไม่มัน รูขุมขนก็เล็กลงตามไปด้วย สามารถนำมาพอกหน้า หรือนำมาทำสครับผิวหน้าก็ได้  ช่วยกระชับรูขุมขนได้เป็นอย่างดี

วิธีที่ 3 น้ำมะนาวทาผิว

ผลไม้รสเปรี้ยวอย่าง มะนาว มีฤทธิ์เป็นกรดทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสแบบธรรมชาติ ช่วยลดปัญหารูขุมขนกว้างอย่างได้ผล เพียงแค่ใช้น้ำมะนาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะผสมลงไปกับดินสอพอง หรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำมาพอกทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าทิ้งไว้สักครู่แล้วล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะเห็นได้ว่ารูขุมขนที่เคยกว้างจนน่าเกลียดจะค่อยๆ ลดลง

วิธีที่ 4 แตงกวาปั่นผสมน้ำผึ้ง

แตงกวาก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยบำรุงผิวที่ดีมาก นอกจากจะให้ความชุ่มชื้นกับผิวหน้าของคุณแล้ว ยังสามารถนำมาผสมกับสมุนไพรไทยตัวอื่น เช่น น้ำผึ้ง หรือมะนาว เพื่อเป็นครีมพอกหน้าสูตรธรรมชาติช่วยกระชับรูขุมขนได้ด้วย เพียงนำแตงกวาประมาณ 2-3 ชิ้น มาปั่นรวมกับน้ำผึ้งจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นให้นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือรอจนกว่าจะแห้ง เมื่อครบเวลาแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง รูขุมขนบนใบหน้ากก็จะกระชับขึ้น

8. ปัญหาฝ้ากระ

8 MELASMA

ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในระดับด้นๆ ที่เกิดขึ้นกับสาวไทย สาเหตุหลักของการเป็นฝ้ากระนั้นเกิดขึ้นจากผิวที่ต้องเผชิญกับแสงแดดมากเกินไป การแก้ไขที่ตรงจุดที่ดีที่สุดคือ ต้องพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือหาอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาช่วยเหลือ เช่น ร่ม หมวก เสื้อคลุมแขนยาว เป็นต้น รวมทั้งการทาครีมกันแดดทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

วิธีแก้ปัญหาฝ้ากระ

วิธีที่ 1 หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เป็นฝ้ากระ

วิธีแก้ปัญหาต้องเริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะก่อให้เกิดฝ้ากระ ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด โดยการเลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี ที่มีค่า SPF30 มี PA+++ ขึ้นไป ทาครีมกันแดดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จะช่วยกระตุ้นลดการเกิดฝ้ากระบนใบหน้าได้อีกด้วย

วิธีที่ 2 การทาครีมรักษาฝ้า

การทาครีมที่มีส่วนประกอบของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) อาร์บูติน (Arbutin) หรือกรดโคจิก (Kojic) จะช่วยลดเลือนจุดด่างดำ กระตุ้นให้เซลล์ผิวเก่าหลุดออกและเผยผิวใหม่ขึ้นมาแทน ทำให้ฝ้าจางลง ผิวหน้าดูสม่ำเสมอ 

ช้ผลิตภัณฑ์ลดเลือนฝ้าคุณภาพ

SMOOTH E MELASMASMOOTH E เซ็ตสำหรับผู้เป็นฝ้า ประกอบด้วย โฟมล้างหน้า และครีมลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ

ราคา 1,760 บาท พิเศษ 1,150 บาท (SAVE 35%)

วิธีที่ 3 มาสก์หน้าด้วยหัวไชเท้า

ในหัวไชเท้ามีสารไกลโคไซด์ (Glycosides) กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และวิตามินเอ มีสรรพคุณในการผลัดเซลล์ผิวคล้ำ ลดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำลดลงได้ ด้วยการบดหัวไชเท้า 4-5 ชิ้น ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เป็นครีม แล้วนำมาพอกหน้าเป็นเวลาประมาณ 15-20 นาที ล้างให้สะอาด ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง ฝ้ากระจะลดเลือนลง

วิธีที่ 4 มาสก์หน้าด้วยมะขามเปียก

มะขามเปียก เป็นวิธีรักษาฝ้าบนใบหน้าอีกวิธีที่ประหยัดและหาวัตถุดิบได้ง่าย ในมะขามเปียกมีกรด AHA ตามธรรมชาติ ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้ฝ้าจางลงได้ เพียงนำมะขามเปียกมาผสมกับน้ำสะอาด นำมาพอกผิว 3-5 นาที แล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง คู่กับการทาครีมบำรุง แต่วิธีนี้ไม่เหมาะผิวแพ้ง่าย เพราะอาจทำให้หน้าแห้ง แสบ ระคายเคืองได้

วิธีที่ 5 มาสก์หน้าด้วยว่านหางจระเข้

นำว่านหางจระเข้ไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที จากนั้นปอกเปลือกออกและล้างให้สะอาด นำไปปั่นหรือบดก็ได้ หลังจากนั้นเอามาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วล้างออก ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง คู่กับการทาครีมบำรุง 

วิธีที่ 6 การทำเลเซอร์

วิธีรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์เป็นอีกวิธีที่เห็นผลเร็ว โดยการใช้เลเซอร์เพื่อปรับสภาพและรักษาความผิดปกติของสีผิวยิงลงไปบริเวณที่เกิดฝ้ากระโดยตรง และทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีด้วยความร้อนเพื่อไปกระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลัดผิวไวยิ่งขึ้น แต่หลังจากยิงเลเซอร์จะมีการตกสะเก็ดและอาจทำให้ผิวไวต่อแสง ดังนั้นจึงต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำประมาณ 1 สัปดาห์

วิธีที่ 7 รักษาฝ้าด้วย IPL

การรักษาฝ้าด้วย IPL หรือ Intense Pulsed Light เป็นการรักษาที่คล้ายเลเซอร์เพียงแต่มีพลังงานต่ำกว่า วิธีนี้จะเจ็บน้อยหรือไม่เจ็บเลย ไม่ต้องทายาชาเหมือนการทำเลเซอร์ มีหลักการทำงานโดยการใช้แสงยิงลงไปที่ผิวให้เกิดความร้อนเพื่อทำลายโปรตีนของเม็ดสีผิวหรือเมลานิน ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น แต่ข้อเสียคือ ต้องทำหลายครั้งถึงจะเห็นผล และไม่ได้เป็นการรักษาฝ้าที่หายขาด มีโอกาสที่ฝ้าจะกลับมามีสีเข้มเหมือนเดิมได้

9. ปัญหาผดผื่น

9 Miliaria

ปัญหาผดผื่น หรือผดร้อน (Miliaria) คือ ผดผื่นคันที่ปรากฏขึ้นเป็นแถบบนใบหน้า ซึ่งเกิดจากความผิดปกติในการทำงานของต่อมเหงื่อใต้ผิวหนัง รวมทั้งในอากาศที่ร้อน นอกจากบริเวณใบหน้าแล้ว อาจพบผดผื่นขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่มีรอยย่นเป็นชั้น หรือบริเวณผิวหนังที่เกิดการเสียดสีกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายบ่อยๆ 

วิธีแก้ปัญหาผดผื่น

วิธีที่ 1 ทาผิวหน้าด้วยว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ มีส่วนช่วยในการลดอาการแพ้ จึงแก้ปัญหาผื่นคันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี เลือกว่านหางจระเข้ก้านใหญ่ๆ ตัดมาทั้งก้านแล้วล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วล้างเมือกออกให้หมด เอาแต่เนื้อวุ้นข้างใน ฝานเป็นแผ่นหรือปั่นแล้วแช่เย็นเอาไว้ โดยก่อนใช้ต้องล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำเนื้อวุ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้จนเนื้อวุ้นไม่มีน้ำ แล้วจึงล้างออก เพียงทำเป็นประจำ ผื่นคันก็จะหายไปอย่างแน่นอน

วิธีที่ 2 โปะผิวหน้าด้วยแตงกวา

แตงกวามีฤทธิ์เป็นยาเย็น ใช้แก้ผดผื่นคันได้ ให้นำแตงกวามาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วฝานเป็นแผ่นบางๆ หรือปั่นให้ละเอียด นำไปแช่เย็นแล้วนำมาโปะบริเวณที่มีอาการ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาการผดผื่นคันจะยุบตัวลงอย่างเห็นได้ชัด

วิธีที่ 3 ทาผิวหน้าด้วยขมิ้นชัน

หัวขมิ้นชันมีสรรพคุณรักษาโรคผิวหนังซึ่งให้ผลดีเทียบเท่ากับยาปฏิชีวนะ การใช้ขมิ้นชันสามารถใช้ได้ทั้งหัวขมิ้นสดนำมาตำคั้นน้ำ หรือใช้ขมิ้นชันผงที่มีจำหน่ายทั่วไป นำมาผสมน้ำแล้วทาบริเวณที่มีอาการ ซึ่งจะช่วยลดอาการผื่นคันได้ ขมิ้นชันมีสีเหลืองเข้มมากอาจล้างออกได้ยาก แนะนำให้ผสมกับนมสดหรือโยเกิร์ตก่อนนำมาทา จะช่วยให้ล้างออกได้ง่ายและไม่ทิ้งคราบเหลืองเอาไว้

วิธีที่ 4 ทาผิวหน้าด้วยมะนาว

น้ำมะนาวมีวิตามินซีและกรดซิตริก (Citric Acid) ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะกรดซิตริกซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดอาการอักเสบได้  เพียงนำน้ำมะนาวสดชุบสำลีทาบางๆ บริเวณที่เป็นผื่นคัน ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะช่วยบรรเทาอาการผื่นคันได้ สำหรับคนที่มีผิวบางแพ้ง่าย ต้องคอยสังเกตผิวบริเวณที่ทาน้ำมะนาว หากมีอาการผื่นแดงมากกว่าเดิมให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที

วิธีที่ 5 ทาผิวหน้าด้วยกล้วย

เปลือกกล้วยมีสรรพคุณช่วยลดอาการอักเสบบวมแดงคัน โดยใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาถูหรือนวดคลึงบริเวณที่มีอาการ  ผื่นคันบนใบหน้าก็จะบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด นับเป็นอีกวิธีพื้นบ้านที่ช่วยจัดการกับปัญหาผื่นคันได้อย่างดีเลยทีเดียว

10. ปัญหาผิวขาดน้ำ

10 DEHYDATED SKIN

ผิวขาดน้ำ หรือ Dehydrated Skin คือ ภาวะปัญหาผิวที่ขาดความชุ่มชื้นหรือขาดน้ำใต้ผิวอย่างเพียงพอ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้กระทั่งผิวมัน ปัญหาผิวขาดน้ำนั้นแตกต่างจากปัญหาผิวแห้ง เพราะผิวขาดน้ำมีสภาพผิวที่ทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน ถ้าลองสังเกตดีๆ ผิวขาดน้ำจะมีสภาพที่อ่อนล้า ดูหมองคล้ำไม่ สดใส เห็นริ้วรอยได้ชัดเจนเนื่องจากผิวสูญเสียคอลลาเจน ลูบแล้วรู้สากผิวไม่ นุ่ม ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก รวมไปถึงการรับประทานอาหาร เป็นต้น

วิธีแก้ปัญหาผิวขาดน้ำ

วิธีที่ 1 ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

การดื่มน้ำช่วยบรรเทาของผิวสาวไทยได้เกือบทุกปัญหา เพราะการดื่มน้ำืทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดี อีกทั้งยังช่วยด้านการขับถ่ายของเสียให้ออกจากร่างกาย ผิวขาดน้ำ วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือ ดื่มน้ำมากๆ และดื่มน้ำให้เป็นกจวัตรประจำวันทุกวัน ขาดน้ำไม่ได้เลยนะคะ

วิธีที่ 2 เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้เหมาะสม 

หากคุณเป็นสาวที่มีผิวขาดน้ำ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน และเหมาะสมกับผิวคุณ หลีกเลี่ยงการใช้สบู่ ควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิว หรือมีสารสกัดธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ เพื่อกระตุ้นการสรา้งน้ำ หรือของเหลวให้ผิวพรรณฉุ่มฉ่ำตลอดทั้งวัน

วิธีที่ 3 ลดหรืองดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และคาเฟอีน

เป็นที่ทราบกันดีว่าแอลกอฮอล์ นอโคติน และคาเฟอีนล้วนมีส่วนเบิร์นชั้นผิวหนังของเรา หากไม่อยากให้ผิวพรรณขาดน้ำ ดูแห้งกร้าน แนะนำให้ลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และคาเฟอีนเสียต้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของผืวคุณ

วิธี่ที่ 4 หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้สุขภาพแข็งแรง และหุ่นดีแล้ว ยังช่วยให้ผิวพรรณของคุณสดใส ไม่ขาดน้ำ ระหว่างการออกกำลังกายแนะนำให้จอบน้ำทุก 20 นาที เพราะการออกกำลังกายทำให้คุณเสียเหงื่อ ร่างกายขจัดของเสีย การเติมน้ำเข้าไปจะทำให้ร่างกาย และผิวพรรณไม่ขาดน้ำ ช่วยให้ผิวคุณดูเฮลตี้ มีผิวที่ค่ะ

วิธีที่ 5 รับประทานผักและผลไม้มากขึ้น

การรับประทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์จะ่วยให้ผิวคุณไม่ขาดน้ำ และดุเปล่งปลังสดชื่นแจ่มใสขึ้น เลือกรับประทานผักสด และผลไม้ทถกวัน นอกจากผิวจะดูเปล่งปลั่งไม่ขาดน้ำแล้ว สุขภาพร่างกายจะดี ระบบการขับถ่ายก็ยิ่งดีไปอีกด้วยค่ะ

วิธีที่ 6 พักผ่อนให้เพียงพอ

ตามมาติดๆ กับการดื่มน้ำ การนอนหับพักผ่อนอย่างเพียงพอช่วยให้ผิวคุณได้ทำการซ่อมแซมในขณะหลับ ให้ร่างกายและผิวพรรณได้พักผ่อน หากคุณนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอวันละ 6-8 ชั่วโมงทุกวัน ผิวหน้าของคุณจะดูสดชื่นแจ่มใสอย่างแน่นอนค่ะ

ว่ากันไปยาวๆ กับ 10 ปัญหาผิวที่มักเกิดกับสาวไทย สาวเขตรัอน พร้อมวิธีบรรเทา และป้องกันแก้ไข หากสาวๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างดู และลองปฏิบัติตามคำแนะนำ รับรองว่าปัญหาผิวที่เกิดกับสาวไทยจะลดน้อยลง หลักๆ คือดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหาร ผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย ลดละเลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคาเฟอีน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดดจัด เพียงแค่นี้สาวไทยก็จะรักษาผิวให้ดูดี ดูเฮลตี้ สไตล์สาวไทยเปี่ยมเสน่ห์ได้อย่างแน่นอนค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก: sanook.com / pobpad.com 

Picture credit: pinterest.com / shutterstock.com / gentleclinic.co.th