ประเทศไทยของเราเริ่มเข้าฤดูหนาวอย่างเป็นทางการ ตื่นนอนตอนเช้าลมเย็นๆ เริ่มเข้ามาปะทะผิวกาย รู้สึกได้แม้กระทั่งในกรุงเทพฯ ฤดูหนาวเป็นฤดูกาลที่คนไทยส่วนมากชื่นชอบที่สุด เพราะอากาศเย็นสดชื่น หลายคนวางแผนทองเที่ยวจัดทริปไปภาคเหนือ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมตัวสัมผัสความหนาวกันอย่างจุใจ ได้ใส่เสื้อหนาวสีสวยๆ อุ่นๆ สดชื่นแจ่มใส นับว่าเป็นฤดูกาลแห่งความสุขที่สุดของปี
แต่คุณทราบหรือไม่ว่า ในช่วงฤดูกาลที่คุณชื่นชอบที่สุดก็มีโรคภัยที่แฝงมากับลมหนาวที่คุณควรทราบไว้ เพื่อป้องกันตัวคุณและคนที่คุณรัก วันนี้ Central Inspirer มี 14 โรคภัยที่มากับฤดูหนาว ให้คุณทราบไว้จะได้ป้องกันตัวได้ทัน มาดูกันเลยค่ะ
14 โรคภัยที่มาพร้อมกับลมหนาว
1. ไข้หวัดธรรมดา (Common Cold)
ไข้หวัดเป็นอาการของโรคที่เกิดขึ้นได้ทุกฤดูกาล แต่ในฤดูหนาวจะพบบ่อยกว่าทุกฤดู ไข้หวัดธรรมดาเกิดจากเชื้อ Rhinovirus ที่ทำให้เกิดโรคในทางเดินหายใจ อาการของไข้หวัดธรรมดามักมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มึนศรีษะ ไอจาม คันคอเป็นอาการนำ และจะเริ่มมีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามตัว หากไม่ทำตัวให้อบอุ่น ไม่สวมเสื้อกันหนาว หรือเสื้อผ้าหนาๆ ดูแลรักษาร่างกายให้ดี อาการของไข้หวัดธรรมดาสามารถลุกลามและกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ได้ง่าย
สเวตเตอร์ตัวสวยอยากแนะนำ
BOSSINI เสื้อกันหนาว ผู้หญิง รหัส 720609030
ราคา 1,390 บาท พิเศษ 973 บาท (SAVE 30%)
CHAMPION เสื้อฮู้ด Reverse Weave Po Hood รุ่น GF68
ราคา 2,790 บาท
2. ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)
เป็นโรคที่คล้ายกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีอาการที่รุนแรงกว่าและอาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน เชื้อต้นเหตุคือ Influenza Virus ที่ทำให้เกิดอาการหนาวสั่น มีไข้ขึ้นสูง เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและศีรษะอย่างรุนแรง และอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย หากพบว่ามีอาการของไข้หวัดใหญ่ หรือใกล้เคียง แนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วค่ะ
3. โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
เป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้ตามหลังไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งทำให้เกิดอาการไอ และจะไอมากในช่วงเวลากลางคืน โดยระยะแรกจะมีอาการไอแห้ง มีเสียงแหบ และเจ็บหน้าอกมาก มีเสมหะ และเสมหะมีสีเหลืองหรือเขียว มีไข้ อ่อนเพลีย ในเด็กอาจมีการไอมากจนอาเจียน บางรายมีอาการคล้ายหอบหืด มีภาวะหลอดลมหดเกร็งตัว โดยปกติโรคหลอดลมอักเสบนี้สามารถหายได้เองภายใน 1 – 3 สัปดาห์ แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อน หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาการอาจลุกลามถึงขั้นปอดอักเสบได้ หากคุณมีอาการคล้ายโรคหลอดลมอักเสบ ควรทำตัวให้อบอุ่น ห่มผ้าห่มหนาๆ พักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำอุ่นจัด เพราะช่วยให้เสมหะระบายออกได้ง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศเสีย หรือฝุ่นละอองมากๆ
ผ้าห่มคุณภาพช่วยสร้างความอบอุ่น
ESQUIRE ผ้าห่ม Double-Sided Jersey Woven 60×80 นิ้ว รุ่น Blankwoven 520 ขนาด 60×80 นิ้ว
ราคา 2,700 บาท พิเศษ 1,350 บาท (SAVE 50%)
KASSA HOME ผ้านวม รุ่น EMBO ขนาด 100 x 90 นิ้ว
ราคา 1,790 บาท พิเศษ 1,280 บาท (SAVE 28%)
4. โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ (Pneumonia)
เป็นโรคที่อาจเกิดตามหลังไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ หรือในคนที่มีโรคหอบหืด เป็นภาวะปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสที่มีมากเกินไป จนทำให้มีหนองและสารปนเปื้อนอย่างอื่นในถุงลม ซึ่งมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย สามารถแพร่กระจายออกมาเวลาไอ จาม หรือการสำลักน้ำลาย เศษอาหาร และน้ำย่อย อาการหลักๆ คือ มีอาการไอแห้ง จาม มีเสียงแหบ มีเสมหะมาก มีอาการแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก คัดจมูก แล้วเริ่มมีไข้สูงเกินภายใน 2 วัน โรคปอดบวมหรือปอดอักเสบพบบ่อยในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะกับกลุ่ม คนชรา และเด็กอายุระหว่าง 5 – 10 ขวบ หรืออายุต่ำกว่า เป็นโรคที่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ หากพบว่ามีอาการ รีบไปพบแพทย์เลยค่ะ
5. โรคหัด (Measles)
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Rubeola Virus ที่พบได้มากในจมูก และลำคอของผู้ที่เป็นโรคดังกล่าว พบมากในเด็กอายุตั้งแต่ 1 – 6 ขวบ ติดต่อได้จากการไอ จามรดกัน หรือได้รับละอองเสมหะ น้ำมูก หรือน้ำลายของผู้ป่วย อาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัด คือ มีไข้ก่อนแล้วจึงมีน้ำมูก มักจะไอแห้งตลอดเวลา ตาและจมูกจะแดง สำหรับเด็กจะมีไข้สูงประมาณ 3 – 4 วัน แล้วมีผื่นแดงขึ้นที่หลังหู ลามไปยังใบหน้า และร่างกาย จากนั้นผื่นจะค่อยๆ เติบโตขึ้น และมีสีเข้มขึ้น สังเกตได้ว่าก่อนหน้าที่เด็กจะมีอาการ จะมีตุ่มใสๆ ขึ้นในปากตรงกระพุ้งแก้มและฟันกรามบน ซึ่งจะเป็นตุ่มที่เกิดเฉพาะในโรคหัดเท่านั้น และจะลามขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 24 ชม. พอหลังจากมีผื่นได้ประมาณ 2 – 3 วัน อาการก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ โรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม อุจจาระร่วง สมองอักเสบ และหูชั้นกลางอักเสบ โรคหัดเป็นโรคติดต่อซึ่งสามารถติดต่อกันได้ทางลมหายใจ ไอ และจาม โรคหัดมักมาในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะในเดือนมกราคมจะมียอดของผู้ที่ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปี หากใครมีอาการแบบนี้ไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ
6. โรคหัดเยอรมัน (Rubella / German Measles)
เชื้อไวรัสหัดเยอรมันทำให้มีไข้ต่ำจนถึงไข้สูง มีผื่นแดงคล้ายหัด ลักษณะผื่นจะใหญ่ เป็นกลุ่มๆ กระจายตัว และห่างกว่า ในเด็กเล็กจะมีอาการไม่รุนแรงเท่าในผู้ใหญ่ โดยเฉลี่ยจะมีอาการประมาณ 1 – 5 วัน มีไข้ ผื่นแดงตามตัว อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตาม ตัว เบื่ออาหาร ที่สำคัญคือ ต้องระมัดระวังไม่ให้ติดเชื้อในระหว่างการตั้งครรภ์เพราะจะเป็นอันตรายมากต่อลูกในครรภ์
7. อีสุกอีใส (Chickenpox)
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ Varicella virus หรือ Human Herpesvirus Type 3 พบมากในเด็กวัยเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป ในผู้ใหญ่มักจะพบได้น้อยกว่า มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน แต่สำหรับคนที่เคยเป็นโรคนี้แล้วจะไม่กลับมาเป็นอีก โรคอีสุกอีไสติดต่อได้โดยการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง หรือการสัมผัสของใช้ เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ที่นอน หรือสูดหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำเข้าไป โรคอีสุกอีใสจะมาในช่วงปลายฤดูหนาวเดือนมกราคม – มีนาคม แต่ก็สามารถพบได้ประปรายตลอดทั้งปี โดยมีอาการไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามร่างกาย อาการจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน แต่จะมีผื่น หรือตุ่มขึ้นตามมาทันที ซึ่งเริ่มแรกจะขึ้นเป็นผื่นแดงก่อน แล้วก็จะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ มีอาการคัน จากนั้นต่อมาก็จะกลายเป็นหนอง และตุ่มจะขึ้นตามไรผม ลุกลามไปยัง ใบหน้า แขน ขา ลำตัว และแผ่นหลัง ต่อมาจะทยอยขึ้นจนหมดทั้งตัวภายใน 4 วัน หลังจากนั้นจะแห้งและตกสะเก็ดไปเองในเวลา 5 – 10 วัน และอาการก็จะเริ่มค่อยๆ เริ่มดีขึ้น
8. โรคอุจจาระร่วง (Diarrhea)
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อ Rota Virus ที่พบได้ง่ายในฤดูหนาว และมักจะเกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ติดต่อได้จากการดื่มน้ำ หรือรับประทานอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป นอกจากนี้ยังติดต่อทางน้ำลาย และน้ำมูก อาการของโรคคือ มีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว และบ่อย อาเจียน ปวดท้อง มีไข้ อ่อนเพลีย อาจทำให้เกิดอาการขาดน้ำ ในคนที่มีอาการรุนแรงจะมีภาวะติดเชื้อ โรคอุจจาระร่วงมักพบได้ในชุมชน โรงเรียนอนุบาล ศูนย์ฝากเลี้ยงเด็ก หรือสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันเป็จำนวนมาก ดัง นั้น การรับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด และการออกกำลังกายเป็นประจำ สามารป้องกันการเกิดโรคอุจจาระร่วงได้
ไอเทมช่วยเด็กน้อยออกกำลังกาย
CHIPMUNK จักรยานเด็ก 16 นิ้ว รุ่น MK สีน้ำเงิน
ราคา 6,000 บาท พิเศษ 3,490 บาท (SAVE 42%)
SMARTPLAYONLY Sanook แทรมโพลีน Premium 8 ฟุต พร้อมรั้วตาข่าย สีเหลืองดำ
ราคา 25,000 บาท พิเศษ 12,900 บาท (SAVE 48%)
9. อุณหภูมิในร่างกายลดต่ำจนเกินไป (Hypothermia)
อาการของอุณหภูมิในร่างกายลดต่ำจนเกินไปอาจไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ในประเทศไทย แต่อาจเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส อาการของโรคนี้มักเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุ จะมีอาการหนาวสั่น หนาวในกาย วิธีการดูแลป้องกันคือ การพยายามรักษาความอบอุ่นของร่างกายอยู่สม่ำเสมอ รับประทานของอุ่นๆ และรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ครบถ้วน และพยายามหลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่โล่งแจ้งที่มีอากาศหนาวจัด
OMRON เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย OMRON MC-720
ราคา 2,490 บาท
10. อาการหอบหืดในผู้ป่วยโรคหอบหืด หรือโรคปอดเรื้อรังอักเสบ (Asthma)
สำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลร่างกายให้ดีที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่มักมีผลต่อผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจอยู่แล้ว ในฤดูหนาวผู้ป่วยโรคหอบหืดและโรคปอดเรื่อรังบางรายมักมีอาการกำเริบหอบเหนื่อยมากขึ้นในฤดูหนาว โดยเฉพาะหากติดเชื้อไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ร่วมด้วย อาการจะเลวร้ายลงไปอีก ดังนั้นในช่วงฤดูหนาวควรดูแลตัวเองให้อบอุ่น ต้องพยายามไม่ติดไข้หวัด หรือไข้หวัดใหญ่ พกยาแก้หอบหืดติดตัวตลอดเวลา และควรฉีดดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อีกด้วย
11. โรคภูมิแพ้ (Allergy)
ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่กระตุ้นอาการของคนที่มีโรคภูมิแพ้ให้มีอาการมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงใหม่ๆ หรือบางคนที่แพ้ไรในฝุ่นที่เจอะเจอได้ตามที่นอน อาการแพ้ควันบุหรี่ หรือแพ้ขนสัตว์ ในฤดูหนาวอาการจะรุนแรงมากขึ้น โดยจะมีอาการคันตา คันจมูก จาม มีน้ำมูกไหลได้ตลอดเวลา บางรายอาจมีผ่นนูนและคันขึ้นในบริเวณที่ถูกอากาศเย็นได้ ในช่วงฤดูหนาวนี้ ผู้มีอาการภูมิแพ้ควรดูแลสุขภาพให้ดี หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีอากาศหนาวจัด สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่น สวมหน้ากากอนามัยเวลาจะออกไปไหนมาไหน หากมีอาการของภูมิแพ้มาก แนะนำให้พบแพทย์และรับประทานยาแก้แพ้เพื่อลดอาการลง
แนะนำหน้ากากอนามัยคุณภาพ
UNICHARM 3D MASK หน้ากากอนามัยS 4 ชิ้น
ราคา 73 บาท
YAMADA หน้ากากคาร์บอน PM2.5 วาล์วคู่
ราคา 23 บาท
TIGERPLAST สเปรย์ MaskShield+ ขนาด 100 มล.
ราคา 129 บาท
12. โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis)
เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหน้าหนาวเช่นกัน ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสคนละชนิดกับโรคตาแดงที่เกิดขึ้นในหน้าร้อน การสัมผัสกับเชื้อมักเกิดจากมือที่สกปรกไปหยิบจับ หรือสัมผัสกับขี้ตา หรือน้ำตาของผู้ที่เป็นโรคแล้วมาป้ายตาตัวเอง โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบระบาดได้ง่ายโดยเฉพาะในเด็กนักเรียน การป้องกันการเกิดโรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบคือ หมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่เอามือขยี้ตา ไม่คลุกคลีกับคนเป็นโรค โรคตาแดงหรือเยื่อบุตาอักเสบเป็นโรคติดต่อ เมื่อเป็นโรคควรหยุดงาน หรือหยุดเรียนเพื่อไม่ไห้ติดต่อไปยังผู้อื่น
13. โรคผิวหนังแห้งอักเสบ (Dry Dermatitis)
เมื่อผิวหนังกระทบกับอากาศเย็น ทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์น้อยและแห้ง การสูญเสียน้ำออกจากผิวหนังก็จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผิวหนังเกิดปัญหาแห้งหยาบเป็นขุย ผิวแตก ก่อความรำคาญเพราะเมื่อผิวแห้งมากจะรู้สึกคัน ยิ่งอากาศหนาวมากจะยิ่งแสบร้อนและคัน หากดูแลไม่ดีอาจเกิดแผลอักเสบจากการเกาจนเลือดออก และมีสิ่งสกปรกเข้าแผลจนเกิดการติดเชื้ออักเสบขึ้นได้ การป้องกันคือ รักษาความชุ่มชื้นจากภายในและภายนอกโดยการดื่มน้ำและรับประทานผลไม้ให้มากขึ้น ไม่ควรอาบน้ำในอุณหภูมิที่ร้อนเกิน 34 องศาเซลเซียส ใช้บอดี้ออยล์ ทาโลชั่นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ทันทีหลังการอาบน้ำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นเวลายาวนาน และหากผิวหนังแห้งอักเสบรุนแรง หรือคันมากๆ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวแห้งอักเสบที่น่าสนใจ
HARNN ผลิตภัณฑ์สไปรย์น้ำมันบำรุงผิว WHITE TEA & CAMELLIA ขนาด 260 มล.
ราคา 2,490 บาท
CERAVE ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกาย Moisturizing Cream ขนาด 16 ออนซ์
ราคา 795 บาท พิเศษ 715 บาท (SAVE 10%)
L’OCCITANE EN PROVENCE ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย Alm Delightful Body Balm ขนาด 100 มล.
ราคา 1,490 บาท
AESOP ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย Resolute Hydrating Body Balm ขนาด 100 มล.
ราคา 1,150 บาท
14. โรคผิวหนัง (Skin Diseases)
โรคผิวหนัง เช่น เชื้อรา กลาก เกลื้อน หรือการแพ้ทางผิวหนัง อาจเกิดจากการแพ้เสื้อผ้าที่เพิ่งซื้อใหม่ เสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มที่เก็บไว้ยาวนานเพิ่งเอาออกมาใช้ หรือเสื้อผ้ามือสองที่หลายคนนิยมใช้ ต้องการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี เช่น การซักล้าง การต้มฆ่าเชื้อ การตรวจสอบและทำความสะอาดรอยด่างดำต่างๆ รวมไปถึงการกำจัดกลิ่นอับชื้นที่ติดอยู่บนเสื้อผ้า เพราะนอกจากเชื้อราแล้ว เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคตับอักเสบหรือไวรัสบางชนิด ซึ่งส่งผลร้ายต่อผิวหนังได้ ดังนั้น ควรมีการต้มให้เดือด ซักล้างให้สะอาด ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ และนำไปตากแดดจัดให้แห้งสนิท ก็จะช่วยสร้างความแน่ใจว่าจะไม่ก่อให้เกิดโรคผิวหนังโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนี้ได้
หน้าหนาวนำมาซึ่งความสุขสดชื่น แต่ก็ไม่ควรลืมโรคภัยต่างๆ ที่มักเกิดได้ในฤดูหนาวที่เราแฮปปี้ที่สุด รู้ทันโรคเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักได้สามารถผ่านเหมันตฤดูไปได้อย่างสบายใจ เย็นสบายอย่างปลอดภัยกันทุกคน Happy Winter ค่ะ