มาแล้ว มาแล้ว น้ำท่วมมาแล้ว! หลายจังหวัดในประเทศไทยเผชิญสถานการณ์น้ำท่วมจนเดือดร้อนกันไปทั่ว จำได้ว่าน้ำท่วมตอนปี 2554 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเดือดร้อนกันสาหัส แต่น้ำท่วมปีนี้ พี่น้องในหลายจังหวัดไม่ว่าจะเป็นอยุธยา อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี สุโขทัย นครราชสีมา ชัยภูมิ และอีกกหลายจังหวัดที่ไม่ได้กล่าวมาเดือดร้อนจากอุทกภัยกันจนอ่วม
น้ำท่วมปี 2564 นี้ก็ใช่ว่ากรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงจะรอด เห็นจากภาพข่าว และข่าวลือกันว่าปทุมธานี นนทบุรี รวมทั้งกรุงเทพฯ ก็เข้าคิวรอรับน้ำกันแล้วโดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำ Central Inspirer ขอเป็นกำลังใจ ให้พี่น้องเตรียมรับน้ำ ขอข้าวของขึ้นที่สูง แต่ทางที่ดีที่สุดขอให้น้ำไม่ท่วม พื้นที่ไหนที่กำลังท่วม ก็ขอให้น้ำลดลงโดยเร็วค่ะ
เมื่อพูดถึงสถานการณ์อุทกภัยน้ำท่วมก็มักจะมาพร้อมโรคร้ายและโรคติดต่อ ไหนๆ เราต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วมแล้ว เราควรทำความรู้จักและเตรียมพร้อมป้องกัน 6 โรคติดต่อและโรคร้ายที่มากับน้ำท่วมกันดีกว่าค่ะ
6 โรคติดต่อและโรคร้ายที่มากับน้ำท่วม
1. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากจากสัตว์สู่คน โดยมีหนูเป็นพาหะตัวแพร่เชื้อ โดยเชื้อโรคจะออกมากับฉี่ของหนูแล้วปนเปื้อนอยู่ในน้ำที่ท่วมขัง พื้นดินที่ชื้นแฉะ เชื้อจะข้าสู่ร่างกายทางบาดแผลสด รอยขีดข่วน รอยถลอก หรือเข้าทางเยื่อบุตา จมูก และปาก
อาการ
- หลังได้รับเชื้อ 4-10 วัน จะมีอาการไข้สูงเฉียบพลัน
- มีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณน่อง และโคนขา หรือมีอาการปวดหลัง
- บางคนอาจมีอาการตาแดง เจ็บคอ เบื่ออาหาร และท้องเสีย
- หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบรักษา อาจทำให้มีอาการไอปนเลือด ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย และเซื่องซึมจากอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และสามารถเสียชีวิตได้
การป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการย่ำน้ำ หรือการแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นต้องสวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ
- หลังการแช่น้ำ ต้องรีบทำความสะอาดร่างกาย อาบน้ำ ฟอกสบู่ให้สะอาด โดยเฉพาะตามง่ามนิ้วเท้า หรือบริเวณที่มีแผลสด และรอยขีดข่วน
2. โรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วง อหิวาตกโรค อาหารเป็นพิษ โรคบิด ไทฟอยด์ และโรคตับอักเสบ ซึ่งล้วนสามารถเกิดได้ในช่วงน้ำท่วมเพราะของเสีย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ ที่อาจปนเปื้อนมากับน้ำ และเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยผ่านการรับประทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป ช่วงน้ำท่วม
อาการ
อาการที่พบอาจแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนใหญ่จะมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ ถ่ายบ่อยครั้ง มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร หรืออาจมีอาการถ่ายเป็นมูกเลือดได้อีกด้วย
การป้องกัน
- ดูแลความสะอาดในเรื่องอาหารการกินและน้ำดื่มในช่วงน้ำท่วม รวมทั้งล้างมือให้สะอาด
- รับประทานอาหารที่ปรุงสุก
- ดื่มน้ำสะอาด
- แยกขยะ หรือของเสีย เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ หรือขยะเปียกไม่ให้ปนเปื้อนไปในน้ำ
3. โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory Diseases)
โรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในช่วงอุทกภัยน้ำท่วม ได้แก่ ไข้หวัด ไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ใหญ่ ปอดบวมซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย ที่สามารถติดต่อแพร่กระจายได้ผ่านเสมหะ น้ำลาย น้ำมูก
อาการ
- มีไข้สูง ปวดศีรษะ
- ครั่นเนื้อครั่นตัว
- มีน้ำมูกไหล คัดจมูก ไอจาม เจ็บคอ
- อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย เบื่ออาหาร
การป้องกัน
- ดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ
- หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน
- ไม่สวมเสื้อผ้าที่เปียกชื้น
- เช็ดตัวให้แห้ง
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่เป็นหวัด
- ปิดปากและจมูกเวลาไอ หรือ จาม
- ล้างมือเป็นประจำ ด้วยน้ำและสบู่
4. โรคผิวหนัง (Eczema หรือ Dermatitis)
เป็นโรคร้ายที่มักจะมากับน้ำท่วม เป็นโรคเกิดจากน้ำท่วมขัง เช่น โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา หรือแผลผุพองเป็นหนอง เพราะร่างกายต้องแช่น้ำเป็นเวลานาน รวมถึงความอับชื้นจากเสื้อผ้าที่เปียก และไม่สะอาด
อาการ
- เท้าเปื่อยและเป็นหนอง
- คันตามซอกนิ้วเท้า
- ผิวหนังลอกเป็นขุย
- มีผื่นผุพอง
- ผิวหนังอักเสบบวมแดง
- ระยะแรก อาจมีอาการเท้าเปื่อย เป็นหนอง
การป้องกัน
- พยายามไม่แช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานๆ
- ถ้าต้องเดินย่ำน้ำ หรือแช่อยู่ในน้ำ ควรใส่รองเท้าบู๊ทกันน้ำ
- ล้างเท้าให้สะอาดหลังการแช่อยู่ในน้ำ
- หากพบว่ามีบาดแผลที่เท้า ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดแผล แล้วทายาฆ่าเชื้อ
5. โรคไข้เลือดออก (Dengue Fever)
เป็นโรคติดต่อที่มียุงลายเป็นพาหะ หากพบว่ามีอาการที่สงสัยว่าเป็นไข้เลือดออก ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที หากต้องการใช้ยาลดไข้ ควรใช้ยาพาราเซตามอล ห้ามรับประทานยาแอสไพริน เพราะจะเป็นอันตรายทำให้มีอาการเลือดออกง่าย
อาการ
- มีไข้สูงตลอดทั้งวัน ประมาณ 2-7 วัน
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
- หน้าแดง อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน และขา
- มีอาการคลื่นไส้ อาเจียร ปวดท้อง และเบื่ออาหาร
- ต่อมาอาการไข้จะเริ่มลดลง ซึ่งเป็นระยะที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเกิดอาการรุนแรง โดยผู้ป่วยจะกระสับกระส่าย มือเท้าเย็น หรือมีเลือดออกผิดปกติ เช่น ถ่ายดำ หรือไอปนเลือด อาจมีภาวะช็อค และเสียชีวิตได้
การป้องกัน
- บริเวณที่มีน้ำท่วมขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ดังนั้นจึงควรกำจัดลูกน้ำและแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยปิดฝาภาชนะเก็บน้ำไม่ให้มีน้ำขัง
- ต้องระวังอย่าให้ยุงกัดในตอนกลางวัน
- นอนกางมุ้ง และทายากันยุงเพื่อป้องกัน
6. โรคตาแดง (Conjunctivitis)
โรคนี้มักจะระบาดในช่วงฤดูฝน ซึ่งสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตา เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถกระจายตัวได้ง่ายในฤดูฝน ในช่วงเวลาที่มีน้ำท่วม
อาการ
- หลังจากที่ได้รับเชื้อ 1-2 วัน จะเริ่มมีอาการระคายเคืองตา ปวดตา น้ำตาไหล กลัวแสง มีขี้ตามาก หนังตาบวม และเยื่อบุตาขาวอักเสบแดง
- เป็นโรคที่มักหายได้เองในเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ถูกวิธีอาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้ เช่น กระจกตาดำอักเสบ ซึ่งจะมีอาการทำให้ทำให้ปวดตา
การป้องกัน
- เมื่อดวงตาโดนน้ำสกปรก ควรรีบล้างด้วยน้ำสะอาดทันที
- ไปพบแพทย์เพื่อรับยาหยอดตา หรือยาป้ายตาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน
- หากมีไข้ให้กินยาลดไข้แก้ปวดตามอาการ
- ล้างมือ และรักษาทำความสะอาดอยู่เสมอ
- ไม่ขยี้ตา หรือใช้สายตามากเกินไป
- ระวังติดต่อกับผู้อื่น เพราะเป็นโรคติดเชื้อที่ติดต่อกันได้ผ่านการใช้สิ่งของร่วมกัน
- ถ้ามีอาการปวดตารุนแรง หรืออาการไม่หายใน 1 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์อีกครั้ง
ไม่เพียงแต่โรคร้าย ยังมีอันตรายและอุบัติเหตุต่างๆ เช่น การโดนไฟดูด การเหยียบของมีคมที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำ หรือการจมน้ำ รวมถึงการถูกสัตว์ร้ายมีพิษ เช่น งู ตะขาบ หรือแมลงป่องที่หนีน้ำมาอาศัยอยู่บริเวณบ้านเรือนคนกัดหรือต่อย ดังนั้นในช่วงน้ำท่วมที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ ผสานกับการระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงความรุนแรงอย่างไม่หยุดหย่อน Central Inspirer ขอให้ทุกคนระมัดระวังภัย อย่าตกอยู่ในความประมาท และขอให้เราทุกคนผ่านเรื่องเลวร้ายไปด้วยกันอย่างปลอดภัยทุกคนนะคะ