เมื่อน้ำหนักตัวของเรามากขึ้น มาดามเชื่อว่าหลายๆ คนจะต้องนึกถึงการออกกำลงกายทุกครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่าการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีหลายวิธีเลย ซึ่งหนึ่งในนั้นที่เราจะมาพูดกันในวันนี้นั่นก็คือการลดน้ำหนักแบบ IF นั่นเอง ที่แพทย์ยืนยันแล้วว่าได้ผลจริง แค่ชื่อก็ฟังดูน่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ!? เรามาดูกันดีกว่าว่า การลดน้ำหนักแบบ IF นั้นเป็นอย่างไรและต้อง
ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร
ก่อนเราจะไปเข้าประเด็นหลักกันในวันนี้ มาดามอยากให้ทุกคนมีความเข้าใจเกี่ยวกับการลดน้ำหนักแบบ IF เสียก่อน โดย IF ที่ว่านี้ก็คือ Intermittent Fasting หรือก็คือการควบคุมแคลลอรี่ และจำกัดเวลาในการทานอาหารนั่นเอง ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธีเลย อาทิ ทานอาหาร 8 ชั่วโมงและอดอาหาร 16 ชั่วโมง เป็นต้น
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF ให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับวิธีลดน้ำหนักแบบ IF จะมีด้วยกัน 6 สูตร ดังนี้
*Tips – ควรเลือกวิธีที่สัมพันธ์กับไลฟ์สไตล์ของคุณมากที่สุด เช่น คนที่ต้องทำงานในช่วงกลางวัน ก็ควรจะใช้สูตร 16/8 เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานในช่วงกลางวันเพื่อทำงาน
วิธีที่ 1 – สูตร 16/8 Leen Gains
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: ทาน 8 ชั่วโมง, อด 16 ชั่วโมง
วิธีนี้เป็นวิธีที่หลายๆ คนมักเลือกใช้ เพราะค่อนข้างตรงกับเวลาการทำงานของมนุษย์เงินเดือน และทำได้ง่าย โดยจะเป็นการทานอารหาร 8 ชั่วโมง และอด 16 ชั่วโมง โดยจะเริ่มนับหลังจากเราทานมื้อแรกแล้ว เช่น เราเริ่มทานตอน 7 โมงเช้า อาหารที่เราจะทานได้มื้อสุดท้ายต้องไม่เกินบ่าย 3 โมงนั่นเอง หลังจากนี้ห้ามทานอะไรที่มีแคลอรี่อีก ถ้ารู้สึกหิวอาจจะดับหิวด้วยกาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือน้ำเปล่า
วิธีที่ 2 – Eat Stop Eat
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: ทาน 5-6 วัน, อด 1-2 วัน/ส้ปดาห์
วิธีนี้เป็นวิธีที่ต้องอาศัยความอดทนมากเลยทีเดียวเพราะตารางการอดอาหารนั้นจะเป็นแบบทาน 5-6 วัน และอด 1-2 วัน กล่าวคือใน 1 หรือ 2 วันในสัปดาห์นั้นจะต้องอดอาหาร ห้ามกินอะไรที่มีแคลอรี่ ส่วนวันที่เหลือจึงจะให้ทานอะไรก็ได้
วิธีที่ 3 – สูตร 5:2
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: ทานปกติ 5 วัน ทานแบบ Fasting 2 วัน/สัปดาห์
สูตรนี้มีชื่อว่า 5:2 ซึ่งก็คือการทานอาหารใน 1 สัปดาห์ตามปกติ 5 วัน (ผู้หญิงไม่ควรเกิน 2,000 กิโลแคลอรี่ และผู้ชายไม่เกิน 2,500 กิโลแคลอรี่) ส่วนอีก 2 วันให้ทานแบบ Fasting แทน ซึ่งไม่ใช่การอดอาหารนะ แต่เป็นการทานอาหารที่มีแคลอรี่น้อยกว่าวันปกติ ผู้ชายให้ทานได้แค่ 600 กิโลแคลอรี่ และผู้หญิงให้ทานได้แค่ 500 กิโลแคลอรี่
วิธีที่ 4 – สูตร Fast 5
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: ทาน 5 ชั่วโมง, อด 19 ชั่วโมง
จะคล้ายๆ กับวิธีแรก แต่จะมีความเข้มข้นมากกว่า โดยจะให้ทานได้เพียง 5 ชั่วโมง นับจากมื้อที่เริ่มกินครั้งแรก และ 19 ชั่วโมงที่เหลือต้องอดอาหาร ซึ่งทำอย่างนี้ในทุกๆ วัน มาดามไม่แนะนำให้มือใหม่ใช้วิธีนี้นะ ให้เริ่มจากวิธีที่หนึ่งไปก่อน พอชินแล้วค่อยลองปรับมาเป็นแบบนี้ดูนะ
วิธีที่ 5 – Fasting ADF (Alternate Day Fasting)
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: ทาน 1 วัน, อด 1 วัน (วันเว้นวัน)
ถ้าวิธี Eat Stop Eat คุณยังรู้สึกชิวๆ อยู่ สามารถใช้วิธีนี้แทนได้ โดยจะเป็นวิธีที่คล้ายคลึงกันแต่ปรับเปลี่ยนให้ทานอาหารปกติได้น้อยลงนั่นก็คือทาน 1 วัน และอด 1 วัน สลับอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
วิธีที่ 6 – Warrior Diet
ช่วงเวลาที่ใช้เป็นเกณฑ์: อดตอนกลางวัน ทานตอนค่ำ, อดตอนค่ำ ทานตอนกลางวัน
วิธีนี้ให้นึกถึงการฉันอาหารของพระสงฆ์เอาไว้ เพราะเป็นการทานอาหารได้เพียงมื้อเดียว จากนั้นอดอาหารไปเลยยาวๆ ถึง 19-20 ชั่วโมง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ทานตอนกลางวัน อดตอนค่ำ – คุณเลือกที่จะทานตอนกลางวันเพียงมื้อเดียว และไม่รับประทานอาหารในตอนค่ำ
- อดตอนค่ำ ทานตอนกลางวัน – คุณเลือกที่จะทานอาหารค่ำเพียงมื้อเดียว ซึ่งจะต้องเป็นมื้อที่เน้นผักและโปรตีนเป็นหลัก และงดรับประทานอาหารกลางวัน
เครื่องออกกำลังกายที่น่าสนใจของ Central Online
ถ้าคิดว่าการลดน้ำหนักแบบ IF ยังไม่เพียงพอสำหรับคุณ สามารถใช้เครื่องออกกำลังกายเพิ่มเติมได้นะ มาดามนำมาแนะนำให้คุณแล้ว
XtivePRO
ดัมเบลเปลี่ยนน้ำหนัก 24 kg แผ่นเหล็กพรีเมี่ยม สีดำแดง
ราคา: 7,999 3,190 (ประหยัด 60%)
AMURO
ลู่วิ่งไฟฟ้า รุ่น AMURO T532 (ต่อ ZWIFT ได้)
ราคา: 37,900 14,390 (ประหยัด 67%)
และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากในครั้งนี้ หวังว่าจะได้แนวทางและสามารลดน้ำหนักด้วยวิธี IF ได้อย่างถูกต้องกันแล้ว แต่สำหรับใครที่ยังรู้สึกว่าอยาดลดน้ำหนักให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีกก็สามารถใช้เครื่องออกกำลังกายช่วยได้นะ มาดามมีแนะนำไว้ด้านบนนี้แล้ว ทั้งนี้ก็อย่าหักโหมจนเกินไป ให้ทำเท่าที่ตัวเองไหว และสำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งสินค้าอื่นๆ ต่อ สามารถไปช้อปกันต่อได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย