12 ปัจจัยที่ควรเช็กก่อนซื้อกล้องติดรถยนต์ในปี 2022!! ซื้อครั้งเดียว คุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนาน

ปัจจุบัน “กล้องติดรถยนต์” นับได้ว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่เจ้าของรถต้องมีและติดตั้งไว้ที่รถของตัวเองเสมอ เพื่อใช้สำหรับบันทึกเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยประโยชน์หลักๆ ของกล้องคือการนำคลิปที่ได้ไปใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายคดีต่างๆ สามารถตัดสินได้ว่าใครถูกหรือผิดได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้เอง แบรนด์ชั้นนำต่างๆ อาทิ Xiaomi, Vango, Dcam, Aston, Proof และ Anytek จึงได้ส่งกล้องติดรถยนต์หลากหลายแบบมาให้เลือกใช้งานกันอย่างมากมาย ทำให้เจ้าของรถหลายๆ คนที่กำลังมองหากล้องติดรถยนต์ในปี 2022 เกิดความลังเลและไม่รู้ว่าจะเลือกกล้องรุ่นไหนดี ต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ซื้อแล้วจะคุ้มค่า ใช้งานได้ยาวนาน ในครั้งนี้ Central Inspirer มีคำตอบมาให้คุณแล้ว

1. ความละเอียดขั้นต่ำ Full HD (1920 x 1080) และ Bit Rate ต้องสูง

Full HD Camera

ความคมชัดของกล้องติดรถยนต์นับว่าเป็นจัยสำคัญที่สุดในการเลือกกล้องสักตัวมาใช้งาน โดยขอแนะนำว่าควรจะมีความละเอียดขั้นต่ำอยู่ที่ระดับ Full HD (1920 x 1080) ซึ่งเป็นความละเอียดที่มากพอจะสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยต้องมี Bit Rate ที่สูงด้วยเพื่อให้ภาพมีความคมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งหมายความว่าต่อให้กล้องจะมีความละเอียดแบบ Full HD (1920 x 1080) เท่ากันแต่ Bit Rate ต่างกันก็ผลกับภาพเป็นอย่างมาก ซึ่งถึงแม้ว่ายิ่ง Bit Rate สูง เมมโมรี่ของกล้องจะเต็มเร็ว แต่ก็แลกมาด้วยความคมชัด บันทึกเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน

ความละเอียดของกล้องจะเห็นได้ชัดที่สุดเมื่อนำเมมโมรี่การ์ดของกล้องไปแสดงผลที่หน้าจอขนาดใหญ่ เช่น จอมอนิเตอร์ เพราะฉะนั้น ห้ามเลือกกล้องติดรถยนต์จากหน้าจอแสดงผลที่ติดมากับกล้องอย่างเด็ดขาด เนื่องด้วยหน้าจอมีขนาดเล็กมาก ไม่ว่ากล้องจะมีความละเอียดเท่าไหร่ ก็จะสามารถมองเห็นได้อย่างคมชัดนั่นเอง

2. FPS ต้องไม่สูงมากเกินไปและไม่น้อยเกินไป

FPS (Frame Per Second) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันอย่างติดปากว่าเฟรมเรต ถ้าเป็นผู้ที่อยู่ในวงการถ่ายภาพ ถ่ายทำภาพยนตร์ หรือเกมเมอร์น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักจะขออธิบายอย่างง่ายๆ ว่า เป็นหน่วยวัดการบันทึกภาพนิ่งของภาพเคลื่อนไหวในกล้องวีดีโอต่อ 1 วินาที เช่น 15 FPS หมายความว่าใน 1 วินาทีจะมีภาพนิ่งถูกบันทึกต่อเนื่องได้ 15 ภาพซึ่งแปลว่า FPS ยิ่งสูง ภาพที่ได้ยิ่งลื่นไหลนั่นเอง

เพราะฉะนั้นกล้องติดรถยนต์ที่คุณเลือกมาใช้งานควรจะมีเฟมเรตอยู่ที่ 25 FPS ขึ้นไปแต่ไม่ควรเกิน 30 FPS เพราะถ้าเฟรมเรตสูงกว่านี้ ทาง Central Inspirer มองว่าอาจจะเกินความจำเป็นในการนำไปใช้งานและไฟล์วีดีโอที่ได้จะมีขนาดใหญ่มาก ทำให้เมมโมรี่การ์ดเต็มอย่างรวดเร็ว

3. ถ่ายกลางคืนได้ ภาพคมชัด ไม่ว่าเวลาไหน

กล้องติดรถยนต์ที่ดีควรจะบันทึกภาพในตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจน โดยแนะนำว่าให้เลือกกล้องที่มี “WDR (Wide Dynamic Range)” ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยทำให้ส่วนที่มืดจะทำให้สว่างจ้ามากยิ่งขึ้นและส่วนที่สว่างมากเกินไปจะปรับภาพกลับมาให้ปกติ ห้ามเลือกกล้องติดรถยนต์ที่ใช้หลักการเร่งแสงให้สว่างเพียงอย่างเดียวมาใช้งานเด็ดขาดเพราะเมื่อไฟหน้ารถรวมเข้ากับคุณสมบัตินี้จะทำให้ภาพที่ได้ออกมาขาวโพลน จนมองไม่เห็นอะไรเลยในช่วงเวลากลางคืน แม้กระทั่งทะเบียนของรถยนต์คันข้างหน้า

4. G-Sensor ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ

G-Sensor หรือ Shock Sensor (อาจมีชื่ออื่นๆ อีก) เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กล้องติดรถยนต์ขาดไม่ได้เพราะว่าเป็นเซนเซอร์ที่จะทำงานเมื่อรถของคุณเกิดแรงกระแทก ตัวกล้องจะทำการบันทึกภาพและแยกโฟลเดอร์ของวีดีโอนั้นไว้ต่างหากและไม่จะถูกลบหรือบันทึกซ้ำ ต้อง Format เมมโมรี่การ์ดเท่านั้นจึงจะสามารถลบวีดีโอได้ ระบบนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณหาคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาหาจากคลิปที่บันทึกไว้ในโฟลเดอร์ปกติ

5. รองรับซิมการ์ด และ Wi-Fi

Phone with dash camera

ซิมการ์ดและ Wi-Fi สำหรับกล้องติดรถยนต์นั้นสำคัญเป็นอย่างมาก คุณควรเลือกกล้องติดรถยนต์ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ด้วย เพราะจะช่วยให้คุณเข้าถึงหรือดูกล้องได้จากทุกที่แบบ Real Time ผ่านสมาร์ทโฟนบน App ของกล้องรุ่นนั้นๆ เพื่อดูว่ารถและคนขับยังปลอดภัยดีหรือไม่ และสามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน (บางรุ่นจะมีแจ้งเตือนผ่าน App อัติโนมัติ) และเมื่อต้องการคลิปไปใช้งานก็สามารถดึงไฟล์จากกล้องได้เลยผ่านระบบ Wi-Fi โดยที่ไม่ต้องถอดเมมโมรี่การ์ดให้ยุ่งยาก

6. รองรับระบบ GPS ระบุตำแหน่งได้

สืบเนื่องจากข้อที่ 5 การมองเห็นแค่ภาพผ่านกล้องติดรถยนต์อาจไม่เพียงพอเพราะคุณอาจจะไม่สามารถระบุตำแหน่งของบริเวณนั้นได้ ในกรณีที่ไม่มีจุดสังเกตที่ชัดเจน ดังนั้นกล้องติดรถยนต์ควรมี GPS ติดตั้งไว้ด้วยเพื่อช่วยในการระบุตำแหน่งของรถได้อย่างชัดเจน

7. มีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว

นอกจากกล้องติดรถยนต์จะมีประโยชน์ในการเก็บบันทึกอุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนนแล้ว จะซื้อทั้งที แนะนำว่าให้เลือกแบบที่มีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวด้วย เพราะว่าจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับรถของคุณในขณะที่จอดอยู่กับที่ได้ โดยเมื่อมีการเคลื่อนไหวบริเวณรถตัวเซนเซอร์จะทำให้กล้องเปิดใช้งาน แต่วิธีนี้ต้องติดตั้งพาวเวอร์แบงก์ควบคู่กันเอาไว้ด้วยเพื่อให้กล้องสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง ยาวนาน

8. มุมมองของกล้องต้องชัดเจน ภาพหน้าตรงต้องคมชัด

สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งที่สำคัญมากสำหรับกล้องติดรถยนต์ โดยมุมมองของกล้องควรจะสามารถบันทึกภาพที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ไม่ควรเลือกกล้องที่มีมุมมองที่แคบเกินไปเพราะจะครอบคลุมบริเวณด้านหน้ารถไม่หมดและอย่ากว้างมากเกินไปเพราะจะทำให้ระยะของภาพผิดเพี้ยนไปจากความจริง เช่น สายตาเราเห็นรถคันหน้าอยู่ใกล้มากแต่เมื่อนำภาพจากกล้องที่มุมกล้องผิดเพี้ยนจะทำให้รถนั้นอยู่ไกลมาก โดยมุมมองของกล้องที่ที่แนะนำควรจะอยู่ประมาณ 120 องศา ถือว่ากำลังดี แต่ถ้าหากต้องการใช้งานกล้องที่มีมุมมองที่กว้างมากกว่านั้น คุณต้องแน่ใจว่า “ภาพหน้าตรง” จะมีความคมชัด ไม่ผิดเพี้ยนเพราะมีความสำคัญมากที่สุด แนะนำว่าให้ติดตั้งกล้องไว้บริเวณคอนโซลรถ โดยให้เห็นหน้ากระจกรถด้วย เพื่อที่ว่าเวลาเกิดเหตุจะได้ทราบว่ารถของเราหรือรถของคู่กรณีถูกเฉี่ยวชนบริเวณไหน

9. โหมดพักหน้าจอ

หลายๆ คนอาจจะคิดว่าโหมดพักหน้าจอเหมือนจะไม่สำคัญสำหรับกล้องติดรถยนต์สักเท่าไหร่แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้กล้องของคุณไม่ร้อน ถนอมอายุของกล้องติดรถยนต์ไปได้อีกยาวนาน แนะนำว่าระหว่างที่คุณขับรถและไม่ได้มองไปที่กล้อง ให้ตั้งค่ากล้องของคุณเข้าสู่โหมดนี้ไปเลย

10. มีฟังก์ชั่นบันทึกวนซ้ำอัติโนมัติ

คุณสมบัติการบันทึกวนซ้ำอัติโนมัติเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับกล้องติดรถยนต์เช่นกัน โดยจะช่วยให้ตัวกล้องสามารถบันทึกวีดีโอเป็นเซคชั่นได้ เซคชั่นละประมาณ 1-5 นาที ขึ้นอยู่กับกล้องที่นำมาใช้งาน เช่น กล้องตัวนี้บันทึกเซคชั่นละ 3 นาที เมื่อครบ 3 นาที ตัวกล้องจะสร้างวีดีโอขึ้นมา 1 คลิป โดยสร้างไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าเมมโมรี่จะเต็ม เมื่อเต็มแล้ว ตัวกล้องจะบันทึกทับไฟล์ที่เก่าที่สุดและวนมาจนกระทั่งเมมโมรี่เต็มอีกรอบ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่ต้องถอดเมมโมรี่การ์ดบ่อยๆ เพื่อ มาลบไฟล์เก่าออกด้วยตัวเองเมื่อข้อมูลเต็มแล้ว

11. ขนาดเล็ก กะทัดรัด ไม่เทอะทะ

หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่ายิ่งกล้องติดรถยนต์มีขนาดใหญ่หรือกว้างมากเท่าไหร่จะยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะมีปัจจัยอื่นๆ ที่คุณควรโฟกัสมากกว่า เช่น ความละเอียดและเฟรมเรตของภาพ ดังนั้น ขอแนะนำว่าให้เลือกกล้องที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด ไม่เทอะทะ จะดีกว่า เพื่อเป็นการประหยัดพื้นที่และทำให้บริเวณคอนโซลรถไม่รกจนเกินไปอีกด้วย

12. มีการรับประกันหรือบริการหลังการขาย

แม้ว่ากล้องติดรถยนต์ที่คุณเลือกมาจะมีฟังก์ชั่นที่โดดเด่นมากมายแต่ถ้าหากไม่มีการรับประกันหรือบริการหลังการขายคงจะแย่แน่ๆ หากเกิดเสียขึ้นมาหลังจากที่ซื้อมาได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูเรื่องของการรับประกันด้วยเพราะเป็นอีกสิ่งที่กล้องติดรถยนต์ควรจะมี

DCAM Dash_Camera (2)

กล้องติดรถยนต์ Dcam ความละเอียด FHD
฿2,190

Shop Now

PROOF Dash_Camera (1)

กล้องติดรถยนต์ Proof ความละเอียด 2K
฿4450

Shop Now

หวังว่า 12 สิ่งที่ Central Inspirer นำมาฝากจะช่วยให้คุณคลายสงสัยและพอจะมีไอเดียในการเลือกซื้อกล้องติดรถยนต์กันแล้ว สำหรับใครที่กำลังมองหา “กล้องติดรถยนต์” ไปช้อปต่อกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยม ที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย