5-easy-ways-to-protect-you-from-phone-scammers-by-central-inspirer

ป้องกันภัยจากมิจฉาชีพทางโทรศัพท์!! ด้วย 5 วิธีง่ายๆ จาก Central Inspirer

มิจฉาชีพเป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องเจอในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งมีวิธีการหลอกเงินอย่าเหยื่อแตกต่างกันออกไป ปัจจุบัน วิธีที่มิจฉาชีพใช้และเป็นข่าวให้เราเห็นในทุกๆ นั่นก็คือการ “โทรศัพท์” นั่นเอง บ้างก็อ้างตัวว่าเป็นบริการขนส่ง บ้างก็แอบอ้างว่าคนรู้จักใช้ชื่อเจ้าของเบอร์ไปค้ำหนี้สิน ซึ่งพอเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินไป มิจฉาชีพเหล่านี้ก็จะหายตัวไปทันที มาดามจึงเป็นห่วงแฟนๆ ของ Central Inspirer เป็นอย่างมาก จึงนำ 5 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยป้องกันภัยจากมิจฉาชีพทางโทรศัพท์ มาฝากทุกคนกัน จะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลย

เคสตัวอย่างของมิจฉาชีพทางโทรศัพท์

ก่อนที่จะไปเข้าสู่เนื้อหาของเรา มาดามอยากให้ทุกคนได้เห็นเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร จะได้ระวังตัวกันได้ในเบื้องต้นนะ

1. อ้างตัวว่าเป็นขนส่งเอกชนชื่อดัง

นี่คือวิธีที่พบเจอบ่อยมากๆ โดยในตอนแรกจะมาในรูปแบบระบบตอบอัตโนมัติ จากนั้นให้กดเบอร์ต่อ ซึ่งเมื่อเรากดไปแล้ว จะเข้าสู่ลูปการหลอกลวง ทางใดทางหนึ่ง (ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก: สำนักข่าว Nation Online) ดังนี้

  • อ้างว่าพัสดุที่จัดส่งมาติดศุลกากร ส่งไม่ได้ ต้องโอนเงินก่อนถึงจะนำเข้าได้
  • บอกว่าเราได้รางวัลอะไรบางอย่าง อยู่ในระหว่างจัดส่ง ให้คุณชำระภาษีนำเข้าให้
  • โทรมาบอกว่าคุณส่งของผิดกฏหมาย และหลอกให้โอนเงินเพื่อจบเรื่อง
  • อ้างว่าคุณเป็นผู้ต้องสงสัยเรื่องฟอกเงิน มีประวัติส่งพาสปอร์ต จากนั้นจะให้คุณโอนเงินทั้งบัญชีเพื่อนำไปตรวจสอ

2. อ้างว่าคนรู้จักเอาชื่อคุณไปค้ำหนี้สินแล้วให้คุณชำระเงินแทน

วิธีนี้มิจฉาชีพจะอ้างถึงคนรู้จัก ซึ่งบางทีคุณก็ไม่ได้รู้จักหรอก เป็นการเดาสุ่มซะส่วนใหญ่ โดยบอกว่าเขาคนนั้นเป็นหนี้และอยากให้คุณชำระหนี้ให้เขาแทน ซึ่งมีเคสกรณีตัวอย่างให้ดูด้วยนะ แต่เหมือนมิจฉาชีพจะโชคร้ายหน่อยเพราะดันไปขู่ตำรวจโดยไม่รู้ตัว สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปรับชมได้เลย

5 วิธีง่ายๆ ป้องกันภัยจากมิจฉาชีพทางโทรศัพท์

1. บอกชื่อปลอม

การบอกชื่อปลอมเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดว่าอีกฝั่งเป็นเจ้าของบริการนั้นจริงๆ หรือเปล่า เพราะทางนั้นต้องมีข้อมูล ชื่อ-นามสกุล จริงอยู่แล้ว ถ้าเราบอกชื่อปลอมไปแล้ว ทางนั้นเออออตามเราไปด้วย สันนัษฐานได้เลยว่าเป็นมิจฉาชีพแน่นอน

2. สอบถามที่อยู่ของจัดส่งของเรา

วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ใช้ผลเหมือนกัน และเป็นสิ่งที่ควรถามสุดๆ ห้ามลืมเด็ดขาด เพราะจะเช็กได้ในเบื้องต้นว่า เขายืนยันตัวตนเราได้จริงๆ หรือเปล่า หากคุณถามไปแล้ว ไม่สามารถตอบได้ว่าที่อยู่จัดส่งคือที่ไหน แล้วหลอกถามที่อยุ่ของเรา ก็ไม่ต้องคุยต่อแล้วล่ะ ไม่ชอบมาพากลแน่นอน หรือจะลองบอกที่อยู่ปลอมๆ ก็ได้ ถ้าฝั่งนู้นเออออด้วย อันนี้ยิ่งชัดเจนเลย มิจฉาชีพแน่นอน

3. แกล้งบอกว่ามีคนรู้จักทำงานอยู่ที่นั่น

ถ้าที่สุดแล้วทางฝั่งนู้นยังบอกชื่อ-นามสกุลจริงเราได้ บอกที่อยู่เราได้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป ลองใช้อีกวิธีนั่นก็คือการหลอกว่าคนรู้จักทำงานอยู่ที่นั่น ให้ไปตามตัวมาให้หน่อย หรือต้องการให้เพื่อนดำเนินเรื่องให้ เชื่อว่ามิจฉาชีพโดนแบบนี้เข้าไปก็ต้องอ้ำอึ้งแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคอลเซนเตอร์จริงๆ จะทราบได้ทันทีว่าที่เราพูดนั้นไม่จริง วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันคุณจากมิจฉาชีพเหล่านี้ได้

4. อย่ากรอกแบบฟอร์มประวัติส่วนตัวบนเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

ถ้ามิจฉาชีพที่โทรหาคุณนั้นรู้ชื่อ-นามสกุลจริง ที่อยู่จริงๆ หรือกระทั่งชื่อพ่อ-แม่ สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าคุณได้เผอไปกรอกข้อมูลส่วนตัวบนเว็บที่เป็นสแปมเข้าแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นถ้าใครส่งลิงก์อะไรแบบนี้มา ตรวจสอบให้ดีก่อนทุกครั้ง วิธีนี้เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ ที่รับรองได้ว่าช่วยลดโอกาสโดนมิจฉาชีพโทรหาได้เยอะเลยล่ะ ลองดูนะ

5. ดาวน์โหลดแอพ WhoCalls

นี่คือแอพพลิเคชั่นที่ควรค่าแก่การดาวน์โหลดมากในปี 2022 ที่มีมิจฉาชีพชุกชุมขนาดนี้ โดยจะเป็นแอพที่จะบอกคุณได้ทันทีเลยว่า ใครเป็นผู้โทรหาคุณ อาทิ ประกัน, มิจฉาชีพ และอื่นๆ ที่คนอื่นๆ ได้ระบุผ่านในแอพไว้ให้เราว่าเบอร์นี้เป็นเบอร์ของใคร ช่วยป้องกันคุณได้ในระดับหนึ่งเลยล่ะ

ตัวอย่าง เมื่อมีมิจฉาชีพที่ถูกบันทึกในระบบโทรมา เมื่อโหลดแอพไว้บนเครื่อง

นี่คือ 5 วิธีคร่าวๆ ที่มาดามเคยใช้แล้วได้ผล จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเจอมิจฉาชีพเหล่านี้โทรมากวนใจในบางครั้งคราว หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับหลายๆ คน ขอให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพเหล่านี้กันทุกคนนะ….

ด้วยความห่วงใยจาก Central Inspirer และ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย