ผู้หญิงหลายคนมีคำถามว่า “อายครีมนั้นสำคัญแค่ไหน?” เราจำเป็นต้องใช้อายครีมหรือไม่ ในเมื่อทุกวันเราก็ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทาทั่วบริเวณใบหน้าอยู่แล้ว คำตอบคือ อายครีมกับมอยส์เจอไรเซอร์นั้นทำหน้าที่แตกต่างกัน หน้าที่หลักของมอยส์เจอไรเซอร์คือ ช่วยให้ผิวหน้าของเราอ่อนนุ่ม และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วนหน้าที่หลักของอายครีมคือ ช่วยมอบความชุ่มชื้นและบรรเทาริ้วรอยแห่งวัยรอบดวงตา อายครีมจะมีผสมที่เข้มข้นกว่ามอยส์เจอไรเซอร์ ขณะเดียวกันส่วนผสมนั้นๆ จะต้องอ่อนโยนต่อผิวพรรณรอบดวงตามากกว่าสกินแคร์ใดๆ
อายครีม (Eye Cream) ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผิวพรรณรอบดวงตาของสาวๆ ดูอ่อนนุ่ม ไบรท์และสดใสขึ้น หน้าที่สำคัญของอายครีมคือ ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย ความหมองคล้ำ หรือการบวมรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม มีความเชื่อและความเข้าใจผิดๆ มากมายเกี่ยวกับอายครีม และการใช้อายครีม จนทำให้ผู้หญิงหลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ของการใช้อายครีมไปเลย วันนี้ Central Inspirer จึงนำความเชื่อและความเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับอายครีมที่ผู้หญิงเราเข้าใจกันมาโดยตลอดมาฝาก พร้อมคำตอบที่หลายคนอาจไม่เคยทราบ รวมทั้งขอแนะนำ 10 อายครีมคุณภาพที่คุณควรหามาใช้ มาดูกันเลยค่ะ
5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับอายครีมที่ต้องการคำตอบ
ความเชื่อที่ 1# ผิวบริเวณรอบดวงตาเหมือนกับผิวพรรณส่วนอื่นๆ บนร่างกาย
ความเชื่อนี้ผิดนะคะ ผิวพรรณในส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้นแตกต่างกัน โดยเฉพาะความหนาของผิว ขึ้นอยู่ว่าเป็นผิวหนังบริเวณไหน เช่น ผิวหนังบริเวณขาและเท้า จะมีความหนากว่าผิวพรรณอื่นๆ ผิวพรรณรอบดวงตานั้นบอบบางที่สุด บางกว่าผิวทุกส่วนในร่างกาย หนังกำพร้า หรือ Epidermis ของคนเรานั้นมีความหนาเพียง .1 มิลลิเมตร (มม.) เมื่อเทียบกับความหนาของผิวหนังทั้งหมดบนร่างกาย ผิวหนังบนฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเรามีความหนาประมาณ 1.5 มม. ถือเป็นผิวหนังที่หนาที่สุดบนร่างกายของเรา จากข้อมูลของ The National Cancer Institute สหรัฐอเมริกา เผยว่าเปลือกตาของคนเรานั้นมีความบางที่สุด คือ .05 มม. ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าผิวหนังบริเวณดวงตานั้นแตกต่างกว่าผิวหนังบริเวณอื่น และมีความบอบบางที่สุดค่ะ
ความเชื่อที่ 2# ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ได้ในการดูแลผิวรอบดวงตา
ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงาน ทำงานหนัก กว่าจะได้กลับบ้านก็ดึกดื่น เหนื่อยจนอยากกระโดดขึ้นเตียงนอนโดยทันที การประดิษฐ์ประดอยทาอายครีมนั้นลืมไปได้เลย แค่ยอมทามอยส์เจอไรเซอร์บนใบหน้าก็สุดยอดแล้ว
ความเร่งรีบผนวกกับการใช้งานสกินแคร์แบบไม่ตรงจุด ส่งผลให้เกิดริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า ทำให้การสร้างคอลลาเจนในผิวลดน้อยลงก่อนวัยอันควร ดังนั้น อย่าคิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์ หรือสกินแคร์ใดๆ เพียงปาดไปทั่วๆ หน้าก็สามารถช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น สามารถใช้ทดแทนอายครีมได้ นับเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องนะคะ ผิวพรรณรอบดวงตาต้องการอายครีม ควรทาอายครีมให้เป็นกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าและก่อนนอน จะช่วยลดปัญหาการเกิดริ้วรอยก่อนวัยบริเวณรอบดวงตา การบำรุงผิวดวงตานั้นขี้เกียจไม่ได้นะคะ!
ความเชื่อที่ 3# ผิวบริเวณรอบดวงตาไม่ต้องการส่วนผสมของสกินแคร์ที่แตกต่างจากผิวบริเวณอื่น
ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาของเรามีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับผิวหนังบริเวณอื่น มีความบอบบางที่สุด ต้องการการดูแลและปกป้องที่สุด คุณเชื่อหรือไม่ว่าผิวพรรณรอบดวงตานั้นทำงานหนักกว่าผิวพรรณบริเวณอื่น โดยปกติคนเรากะพริบตา 20 ครั้งต่อ 1 นาที ซึ่งเท่ากับ 28,000 ครั้งต่อ 1 วัน ไม่นับว่าวันๆ เราต้องใช้สายตาเพ่งดูสิ่งโน้น สิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบดวงตาทำงานหนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ผิวรอบดวงตาของคนเราแก่เร็ว ดังนั้น ส่วนผสมของอายครีมจึงมีความแตกต่างและเข้มข้นกว่าสกินแคร์ที่ใช้กับผิวหนังบริเวณอื่น อายครีมต้องมีสูตรที่เข้มข้น เพื่อช่วยลดและชะลอริ้วรอยแห่งวัย รอยคล้ำรอบดวงตา และช่วยลดอาการบวมของผิวพรรณรอบดวงตาอีกด้วย
ความเชื่อที่ 4# ผิวรอบดวงตาร่วงโรยได้พร้อมๆ กับผิวพรรณบริเวณอื่นบนใบหน้า
ผิวพรรณรอบดวงตานั้นร่วงโรยก่อนใครเพื่อนเลยค่ะ! เป็นจุดแรกที่แสดงให้เห็นริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น หากคุณนอนไม่ค่อยจะหลับ หรือนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ สังเกตได้ว่าเมื่อคุณตื่นนอนมาในตอนเช้า ขอบตาจะดำคล้ำ มองเห็นริ้วรอยต่างๆ ได้อย่างชัดเจน จึงสรุปได้ว่า ผิวพรรณรอบดวงตาไปก่อนค่ะ! จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้อายครีมเป็นประจำ อย่าได้ขาดเพื่อช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัยที่ไม่มีใครปรารถนาค่ะ
ความเชื่อที่ 5# ส่วนผสมของอายครีมไม่แตกต่างกับส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์
หลายคนมีความเชื่ออย่างนั้น จึงไม่เห็นความสำคัญของการใช้อายครีม สาวหลายคนมักทามอยส์เจอไรเซอร์ไปทั่วบริเวณใบหน้า รวมทั้งบริเวณผิวรอบดวงตา เพราะคิดว่ามอยส์เจอไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นได้ไม่ต่างกัน แต่หากคุณอยากบอกลาริ้วรอย ความหมองคล้ำรอบดวงตา ตาบวม หรือตีนกา คุณต้องเลือกใช้อายครีม เพราะอายครีมจะมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่ามอยส์เจอไรเซอร์เป็นอย่างมาก ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย รวมทั้งริ้วรอยต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนา ส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์บางตัวอาจไม่เหมาะกับผิวพรรณบริเวณรอบดวงตา อาจทำให้เกิดอาการแพ้ เมื่อเข้าตาอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองจนน้ำตาไหล ส่วนผสมของอายครีมนั้นอ่อนโยนต่อผิว แต่เข้มข้นพอที่จะช่วยลบริ้วรอยแห่งวัยได้เป็นอย่างดีค่ะ ดังนั้นควรเลือกใช้อายครีมที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณนะคะ
เมื่อคุณเข้าใจแล้วว่าอายครีมนั้นสำคัญอย่างไร หากคุณไม่เคยใช้อายครีม หรือใช้บ้างไม่ใช้บ้างแล้วแต่อารมณ์ แต่นี้ไปคิดใหม่ ทำใหม่ หันมาใช้อายครีมคุณภาพที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณรอบดวงตาอย่างจริงจัง พร้อมพบ 10 อายครีมคุณภาพที่ Central Inspirer ขอแนะนำ ใช้แล้วดีจริง มีประสิทธิภาพ ได้ผลดีเยี่ยมค่ะ
10 อายครีมคุณภาพช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัย
สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียว่าจะเลือก อายครีม ขวดไหนดี มาดามมีไอเดียมาให้คุณแล้ว โดยคัดสรรแบรนด์ที่ดีที่สุดถึงแบรนด์มาไว้ให้คุณได้ช้อปกัน คลิ้ก View More แล้วไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลย
หวังว่าสาวๆ คงกระจ่างแล้วกับความสำคัญและความแตกต่างของอายครีมกับสกินแคร์ประเภทอื่น สาวๆ หลายท่านคงเคยอาจมองข้ามการใช้อายครีม ส่วนหนึ่งอาจคิดว่าไม่แตกต่างจากการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ หรือสกินแคร์ตัวอื่น หรือมองว่าอายครีมกระปุกเล็กๆ ที่มีราคาค่อนข้างสูงนั้นดูเป็นการฟุ่มเฟือยจนเกินไป ใช้แพล็บๆ ยังไม่ทันเห็นผลก็หมดกระปุกแล้ว คุณควรเปลี่ยนความคิด และหันมาจริงจังกับการใช้อายครีม แล้วคุณจะพบความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ช่วยให้คุณดูอ่อนเยาว์ แววตาดูสดใส เต็มไปด้วยความมั่นใจสุดๆ ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก: allure.com/teamiblends.com/ cosmopolitan.com
Picture credit: pinterest.com