Get to Know! เทคนิคการงีบหลับ…งีบสักกี่นาทีถึงจะดีต่อสุขภาพ

ปกติแล้วการนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา โดยเฉพาะใครที่ต้องทำงานหนัก ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ การนอนหลับพักผ่อนทอดร่างลงบนที่นอนแสนนุ่มสบายจึงเป็นสุดยอดปรารถนา ตรงกันข้ามกับการนอนหลับ การงีบหลับ อาจก่อให้เกิดความรู้สึกและความหมายที่ติดลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณเป็นคนทำงาน เมื่อเพื่อนร่วมงานเดินเข้ามาในออฟฟิศช่วงเช้า ช่วงหลังพักทานข้าวกลางวัน หรือช่วงบ่ายๆ แล้วเห็นคุณงีบหลับ อาจทำให้เพื่อนรู้สึกว่า คุณอู้งาน ดูขี้เกียจหลังยาว หรือไม่ก็คิดว่าเมื่อคืนคุณไปทำอะไรมา ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน

แต่คุณทราบไหมว่า หากคุณงีบหลับให้ถูกที่ ถูกเวลา การงีบหลับส่งผลดีต่อสุขภาพของเรา แล้วการงีบหลับนั้นจริงๆ มันคืออะไร ในระหว่างวัน เราควรงีบหลับสักกี่นาที การงีบหลับมันดีอย่างไรต่อสุขภาพ มาดูกันเลยค่ะ

การ “งีบหลับ” คืออะไร

NAP 2

การงีบหลับ หรือ Napping คือ การนอนหลับในระยะสั้นๆ ในตอนกลางวันเพื่อชดเชยเวลานอนตอนกลางคืน การงีบหลับมักจะทำเมื่อเกิดความง่วงระหว่างเวลาที่เราตื่น ทัศนคติทางวัฒนธรรมที่มีต่อการงีบระหว่างวันทำงานนั้นแตกต่างกัน ในวัฒนธรรมตะวันตก เด็กและผู้สูงอายุควรงีบหลับระหว่างวัน แต่สำหรับคนวัยทำงานไม่ควรนอนหลับระหว่างวัน และการงีบในเวลางานเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ ส่วนในวัฒนธรรมอื่นๆ หรือในบางประเทศ เช่น สเปน หรือฝรั่งเศส จะมีประเพณีการงีบหลับ หรือ Siesta ในช่วงกลางวัน หลังการรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ก่อนที่จะกลับไปทำงานในช่วงบ่าย 

งีบหลับกี่นาทีถึงจะดีต่อสุขภาพ

ในแต่ระหว่างวัน คนเราควรหาเวลางีบหลับเพื่อช่วยให้มีสุขภาพจิต สุขภาพกายแข็งแรง คนเราควรจะงีบหลับวันละกี่นาที ถึงจะมีผลดีกับร่างกาย

1. งีบหลับเป็นเวลา 10 – 20 นาที

ช่วงเวลา 10 – 20 นาที เป็นระยะเวลาในการนอนพักผ่อนที่ช่วยเพิ่มพลังงาน และสร้างความสดชื่นให้กับร่างกาย เพราะเพียงเวลาเพียง 10 – 20 นาที จะทำให้การนอนพักของเราอยู่ในช่วง Non-Rapid Eye Movement (NREM) การนอนในช่วงระยะเวลานี้ จะเหมาะกับคนที่ต้องการตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง สมองปลอดโปร่ง หรือสามารถตื่นขึ้นมาทำกิจกรรมได้หลายๆ อย่างโดยไม่มีอาการมึนงง เช่น การงีบหลับเมื่อรอเวลาออกเดินทาง หรือรอใครสักคน เป็นต้น หากคุณตื่นขึ้นมาแล้ว ก็จะสามารถทำกิจกรรมนั้นต่อเนื่องได้ทันที จึงเรียกการนอนงีบในช่วงเวลานี้ กันว่า Power Nap” เป็นพลังของการนอนงีบ ที่ช่วยฟื้นฟูความอ่อนล้าให้กับร่างกาย

2. งีบหลับเป็นเวลา 30 นาที

การงีบหลับในช่วงระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หรือ 30 นาที มักจะไม่ค่อยส่งผลดีต่อระบบร่างกาย ซึ่งนักวิจัยหลายท่านระบุว่า หากเรางีบหลับในช่วงระยะเวลานี้ หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว จะมีอาการมึนงง ร่างกายยังคงง่วงอยู่ หรือบางคนอาจจะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อยด้วย จะสังเกตได้ว่าเพียงงีบหลับแค่เพิ่มขึ้นมาเพียง 10 นาทีเท่านั้น ก็ส่งผลที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

3. งีบหลับเป็นเวลา 60 นาที

หากคุณสามารถงีบหลับได้ประมาณสัก 1 ชั่วโมง หรือ 60 นาที จะช่วยส่งผลต่อระบบความจำของคุณหลังจากตื่นขึ้นมา ทำให้สามารถจดจำแหล่งข้อมูลต่างๆได้ดีขึ้น การงีบหลัยด้วยเวลาเท่านี้ จะทำให้สมองอยู่ในขั้น Slow-Wave Sleep นั่นคือ การหลับลึกในระดับนึง จนปล่อยให้เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที อาการเหล่านั้นจึงจะหายไป จึงเหมาะสำหรับคนที่ทำงานหนัก หรืออ่านหนังสือสอบจนร่างกายอ่อนเพลีย

4. งีบหลับเป็นเวลา 90 นาที

ช่วงนี้เป็นระยะเวลาการนอนที่สมองและร่างกายได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ จึงทำให้เริ่มเข้าสู่ความฝัน สร้างความคิดและจินตนาการอย่างเต็มที่ หรืออยู่ในช่วง REM Stage หรือ Rapid Eye Movement จะช่วยทำให้สมองของเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ หลังจากคุณตื่นขึ้นมาแล้วจะอารมณ์ดี และมีความทรงจำแม่นยำขึ้น การนอนในช่วงนี้เท่านั้น จะช่วยทำให้คุณรู้สึกไม่ง่วงซึมหลังจากตื่นนอน

การงีบหลับส่งผลดีอย่างไรต่อร่างกาย

การงีบหลับในระหว่างการทำงาน อาจส่งผลให้เกิดทัศนคติไม่ดีต่อตัวเราในสายตาของหัวหน้างาน และเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ แต่หากคุณเลือกเวลาในการงีบหลับให้ถูกต้อง เช่น ในช่วงเวลาพัก หรือช่วงเช้าก่อนเวลาเข้าทำงาน การงีบหลับจะส่งผลดีกับร่างกายของคุณดังนี้

1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านความจำ

1 REMEMBER

ในการทำวิจัยเกี่ยวกับการงีบหลับระหว่างวัน โดยการทดลองให้อาสาสมัครได้งีบหลับเป็นเวลาเพียง 10 นาที พบว่าผู้เข้าทดลองมีความจำที่แม่นยำมากขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้งีบหลับ  อย่างไรก็ตาม จากการทดลองพบว่า หากมีการงีบหลับเกิน 20 นาที กลับส่งผลให้ประสิทธิภาพในการคิดลดลง

2. ช่วยลดความดันเลือด

2 BLOOD PRESSURE

การงีบหลับในตอนกลางวันช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากผู้ที่ได้พักในเวลาสั้นๆ ระหว่างวันจะมีระดับความเครียดที่ลดลง โดยมีสถิติอย่างเป็นทางการว่า การงีบหลับสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้อีกด้วย

3. ช่วยผ่อนคลายความเครียด

3 NO STRESS

จากการวิจัยเกี่ยวกับการงีบหลับระหว่างวันพบว่า การงีบหลับในตอนกลางวันสามารถช่วยลดระดับความเครียดที่เกิดจากการทำงานระหว่างวันได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าอาสาสมัครที่ได้งีบหลับสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ตึงเครียดในรูปแบบเดียวกัน

4. ช่วยปลุกความกระปรี้กระเปร่า

4 ENERGETIC 1

แน่นอนว่าการงีบหลับสามารถเพิ่มพลังให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นมากขึ้น แต่เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรม มีการทดลองการงีบหลับกับอาสาสมัครที่เป็นทหารพบว่า ทหารกลุ่มที่ได้งีบหลับในเวลากลางวัน มีความกระตือรือร้น และประสิทธิภาพในการฝึกเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

5. ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์

5 CREATIVITY

การงีบหลับกลางวันมีส่วนอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยพบว่าเซลล์ประสาทจะมีการทำงานได้ดีขึ้นเมื่อได้พักในระยะเวลาสั้น จึงสามารถทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานได้ดีขึ้น

6. ช่วยเพิ่มกำลังใจในการทำงาน

6 HAPPY

เนื่องจากความเหนื่อยล้ามักแปรผกผันกับกำลังใจในการทำงาน ซึ่งโดยปกติแล้ว คุณจะรู้สึกอยากทำงานมากที่สุดในช่วงเช้า จากนั้นจึงค่อยๆ ลดลงตามความเหนื่อยล้า ดังนั้น การงีบหลับในตอนกลางวันจึงเปรียบเสมือนการชาร์จพลังในการทำงานอีกครั้ง

7. การงีบหลับนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการดื่มกาแฟ

NAP AT WORK

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะดื่มกาแฟในช่วงบ่าย เพียงเพราะรู้สึกง่วง แต่มีการศึกษาพบว่า การงีบหลับสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานได้ดีกว่าการดื่มกาแฟ  นอกจากนี้  ยังช่วยลดปริมาณการดื่มกาแฟ หรือปริมษรคาเฟอีนในร่างกายลงได้  เพราะการดื่มกาแฟหลายๆ แก้วต่อวันคงไม่ดีต่อสุขภาพ

การนอนหลับ เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อระบบภายในร่างกาย สำหรับคนที่ทำงานหนัก หามรุ่งหามค่ำ นักเรียน นักศึกษา หรือเป็นผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับ (Insomnia) มีภาวะของการอดนอน หรือนอนหลับไม่เพียงพอจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ และเกิดโรคร้ายแรงตามมาภายหลังได้ ดังนั้น คุณควรหาเวลางีบหลับระหว่างวันในช่วงระยะเวลาที่พอเหมาะและเหมาะสม ไม่ควรงีบหลับในเวลาทำงาน แต่เลือกเวลาพักอื่นๆ เช่นหลังรับประทานอาหารกลางวัน หรือช่วงเช้าก่อนเข้างาน บางออฟฟิศมีเวลาพักให้ในช่วงบ่าย เลือกเวลาเหล่านั้นในการงีบหลับ จะทำให้คุณดูดี ดูไม่อู้งาน ส่วนคนที่อยู่บ้าน น้องๆ นักศึกษาที่อ่านหนังสือเรียนอยู่ที่บ้าน หรือคุณแม่บ้าน ก็ควรหาเวลางีบหลับพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายสดชื่น พร้อมตื่นมาทำหน้าที่ของคุณได้อย่างสมบูรณ์

จะเห็นได้ว่า การนอนงีบระหว่างวันสามารถช่วยเพิ่มอารมณ์ ความตื่นตัว และประสิทธิภาพของการทำงานได้เป็นอย่างดี ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรง ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และมีการหลั่งของฮอร์โมนที่เร่งการเติบโต สามารถสร้างความรู้สึกตื่นตัว และเพิ่มความจำของสมองมากขึ้น มื่อเทียบกับการไม่ได้นอนงีบเลย ดังนั้น สำหรับสาวๆ วัยทำงาน แทนที่จะออกไปเดินช้อปปิ้งให้เสียเงิน แนะนำว่าชวนเพื่อนร่วมงานงีบหลับในช่วงว่างเพื่อสุขภาพที่ดีกันเถอะค่ะ Happy Napping นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : wikipedia.org / msu.ac.th / undubzapp.com

Picture credit: pinterest.com / medium.com / bizjournals.com