why-we-allergic-to-cat-fur-not-all-animal-and-7-things-that-help-you-get-rid-of-llergic-to-cat-fur

ทำไมเราถึงแพ้ขนแมวแต่กับสัตว์ตัวอื่นไม่เป็นไรนะ? พร้อม 7 วิธีแก้อาการแพ้ขนแมวอย่างได้ผล

“แมว” เรียกได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงยอดฮิตประจำบ้านชนิดหนึ่ว ก็ใครจะไปทนได้ล่ะ เมื่อเห็นสายตาและท่าทางสุดน่ารักของพวกเขาก็เป็นอันต้องพามาอยู่ที่บ้านร่ำไป ซึ่งสำหรับบางบ้าน ปัญหาก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้นี่ล่ะ เพราะหลายคนเพิ่งค้นพบว่าตัวเองนั้น “แพ้ขนแมว” ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเจอสัตว์ตัวอื่นมามากมายกลับไม่แพ้ มันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันนะ? วันนี้มาดามมีคำตอบมาให้คุณแล้ว พร้อมกับ 7 วิธีที่จะช่วยแก้หรือบรรเทาอาการแพ้ขนแมวให้คุณได้ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดามมาดูกันเลย

อาการแพ้ขนแมวเป็นอย่างไรกันนะ

ก่อนจะไปที่ประเด็นหลักของเรา มาดามอยากทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ตรงกันก่อน โดยเจ้าอาการแพ้ขนแมวนั้น จะมีอาการ ดังนี้

  • จามบ่อยและถี่มากกว่าปกติ
  • คัดจมูก มีน้ำมูก
  • ผิวหนังเกิดการระคายเคือง หรือมีผื่นขึ้นให้เห็นชัดเจน
  • ดวงตาเกิดการระคายเคือง ดาแตง ตาบวม หรือมีน้ำตาไหล

ทำไมเราถึงแพ้ขนแมวแต่กับสัตว์ตัวอื่นไม่เป็นไร?

มาดามเชื่อว่าเรื่องนี้หลายคนคงอยากรู้แน่ๆ เอาล่ะ!! มาดูกันเลยว่า ทำไมเราถึงแพ้เฉพาะขนแมวนะ เพราะในความเป็นจริงแล้วเราไม่ได้แพ้ขนแมว แต่เรานั้นแพ้ “โปรตีน Fel d1” ที่อยู่ในน้ำลายแมวต่างหากล่ะ แล้วถามว่าเจ้าสารนี่ไปติดอยู่บนขนแมวได้ยังไง นั่นก็เพราว่าพวกเขามักจะเลียทำความสะอาดขนของตัวเองอยู่ตลอดนั่นเอง ทำให้“โปรตีน Fel d1” ไปติดอยู่บนขนแล้วเมื่อขนของเขาร่วงฟุ้งในอากาศ เราก็จะเกิดอาการแพ้ทันที โดยเจ้าโปรตีนชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่าไรฝุ่นถึง 10 เท่าและในตัวผู้นั้นมีมากกว่าตัวเมียอีกด้วย ดังนั้น ถ้าใครแพ้ขนแมวมากๆ อาจลองเลือกไปเลี้ยงตัวเมียแทนก็ได้นะ นี่จึงเป็นคำตอบแล้วว่าทำไมนะเราถึงไม่แพ้ขนของสัตว์ชนิดอื่น

7 วิธีแก้หรือบรรเทาอาการแพ้ขนแมวอย่างได้ผล

1. อาบน้ำให้น้องแมวบ้าง

วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันการแพ้ขนแมวนั่นก็คือการอาบน้ำให้น้องแมวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อกำจัดโปรตีนบนขนแมวให้ออกไปนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะช่วยลดอาการแพ้ขนแมวของเราได้แล้ว เนื้อตัวของน้องแมวยังสะอาด น่าซุก แถมยังช่วยให้เขาชินกับน้ำได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย

2. แปรงขนบ่อยๆ

เนื่องจากเจ้าโปรตีนที่ก่อให้เกิดภูมแพ้นั้นอยู่บนขนของน้องแมว ดังนั้น ต้องหมั่นแปรงขนให้เขาบ่อยๆ เพราะว่าจะช่วยลดโอกาสที่ขนนั้นจะฟุ้งกระจายไปติดตามที่ต่างๆ อาทิ เสื้อผ้า เตียงนอน และอื่นๆ ซึ่งนอกจากช่วยในเรื่องนี้แล้ว ยังทำให้เจ้าแมวน้อยของเรานั้นมีความสุขและฟินไปกับการแปรงขนอีกด้วย

3. ล้างมือหลังจากเล่นกับน้องแมวเสร็จแล้ว

หลังจากเราลูบไล้ตัวแมวเพราะความเอ็นดูแล้ว มาดามแนะนำว่าให้ล้างมือทุกครั้งด้วยนะ เพราะหลังจากเราเล่นกับแมวแล้ว ขนของเขาจะมาติดอยู่บนมือของเรานั่นเอง ถ้าไม่อยากเผลอเอาไปเข้าไปสูดดมที่จมูก ก็ต้องล้างมือทุกครั้งนะ

4. แยกห้องนอนกับแมว

แม้ว่าจะรักแค่ไหน แต่คุณก็จะต้องห่างกับน้องแมวสักพักหนึ่งในช่วงเข้านอน อาจจะวันละ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน เพราะจะทำให้ร่างกายของเราสามารถสร้างภูมิคุ้มกันสารก่อภูมิแมวให้มีประสิทธาภพมากยิ่งขึ้น

5. เน้นให้อาหารแบบ Grain Free

อาหารนั้นมีผลต่อการสร้างโปรตีน Fel d1 ในน้ำลายแมวเช่นกัน โดยควรจะให้อาหารแบบ Grain Free หรือไม่มีธัญพืชที่แมวย่อยไม่ได้ เป็นอาหารเน้นเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมเยอะๆ นั่นเอง ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ให้ทานบาร์ฟไปเลย นอกจากเขาจะชอบแล้ว ยังช่วยลดกลิ่นปากอีกด้วย

6. ดูดฝุ่นบ่อยๆ

ใช่แล้ว!! การดูดฝุ่นก็ช่วยลดอาการแพ้ขนแมวได้เช่นกัน เพราะจะไม่มีขนที่ตกอยู่ตามที่ต่างๆ ไว้ให้คุณแพ้นั่นเอง ห้ามใช้ไม้กวาดเด็ดขาด เพราะจะทำให้ขนแมวฟุ้งกระจายไปมากกว่าเดิม นอกจากเรื่องดูดฝุ่นแล้ว คุณต้องหมั่นคอยเปิดกระจกระบายอากาศตลอดเวลาด้วยนะ ขนของน้องแมวจะได้ไม่แออัดกันอยู่ในห้อง

7. ใช้เครื่องฟอกอาศ

ถ้าท้ายที่สุดแล้วอาการแพ้ขนแมวของคุณยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ ทางเลือกสุดท้ายนั่นก็คือการใช้เครื่องฟอกอากาศนั่นเอง แต่จะต้องเป็นเครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองได้ละเอียดราวๆ 0.01 ไมคร่อนนะ เพราะ “โปรตีน Fel d1” มีขนาดเล็กกว่าไรฝุ่นที่มีขนาด 0.1-0.2 ไมคร่อนถึง 10 เท่านั่นเอง

แม้ว่าขนแมวจะทำให้เราเกิดอาการแพ้ แต่ก็ไมได้ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น เพียงแค่ทำความเข้าใจ และปรับตัวคุณจะอยู่ร่วมกับน้องแมวที่บ้านได้อย่างแน่นอน และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้ สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย