10-thing-you-shoul-focus-before-buy-a-running-shoes

10 สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญก่อนเลือกซื้อ “รองเท้าวิ่ง” สักคู่

การออกกำลังกายถือว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่หลายๆ คนให้ความสำคัญเพื่อเผาผลาญแคลอรี่ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรืออยู่ในเกณฑ์ที่ต้องการ โดยการออกำลังกายนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีเลย แต่หนึ่งในวิธีที่ที่นิยมมากที่สุดนั่นก็คือ “การวิ่ง” นั่นเอง เพราะสามารถทำได้ง่าย และทำได้หลากหลายสถานที่นั่นเอง แต่การจะวิ่งให้มีประสิทธิภาพได้นั้น จะขาดอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่ได้เลย นั่นก็คือ “รองเท้าวิ่ง (Running Shoes)” นั่นเอง ซึ่งทำให้หลายๆ คนที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการนั้นเกิดความลังเล หรือสับสนว่าจะเลือกรองเท้าวิ่งอย่างไรให้ดีกับตัวเองมากที่สุด ในครั้งนี้มาดาม จึงได้นำเช็คลิสต์ 10 ประการที่คุณต้องให้ความสำคัญก่อนเลือกซื้อรองเท้าวิ่งสักคู่มาฝากทุกคนกัน จะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย!!

ส่วนประกอบของรองเท้าวิ่ง

นอกจากข้อมูลข้างต้นแล้ว ยังมีส่วนสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือส่วนที่เรียกว่า Insole หรือก็คือพื้นรองเท้าด้านในด้วย

10 สิ่งที่คุณต้องให้ความสำคัญก่อนเลือกซื้อ “รองเท้าวิ่ง” สักคู่

1. ความกว้างและความยาวของรองเท้าวิ่งต้องพอดี

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องคำนึงก่อนนั่นก็คือความกว้างและความยาวของรองเท้านั่นเอง ดังนี้

  • ความกว้าง – ควรมีความกว้างมากพอที่จะขยับเท้าได้บ้างเล็กน้อย อย่าเลือกแน่นจนเกินไป ไม่อย่างนั้นเท้าจะเสียดสีกับพื้นรองเท้า (Insole) จนทำให้เกิดการบาดเจ็บได้
  • ความยาว – ด้านความยาวก็เช่นกัน ไม่ควรเลือกแน่นจนเกินไป นิ้วเท้าที่ยาวที่สุดไม่ควรสัมผัสกับบริเวณ Toe Box แต่ก็ไม่ต้องหลวมจนเกินไปนะ ให้ทดสอบผูกเชือกรองเท้าแล้วลองวิ่งไปรอบๆ ดู ถ้าส้นไม่หลุดเป็นไปใช้ได้

2. ส้นเท้าต้องกระชับ ไม่หลวมและไม่แน่นเกิน

มาต่อกันที่เรื่องส้นเท้า ควรจะเลือกรองเท้าวิ่งที่กระชับกับส้นเท้าพอดี ไม่หลวม ไม่แน่นเกินไป ลองสวมใส่ดู หากรู้สึกเจ็บให้เปลี่ยนคู่ทันที เพราะถ้าคุณนำไปใส่วิ่งจะเจ็บมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้คุณควรลองร้อยเชือกหลวมๆ แล้วถอดรองเท้าเข้า-ออกดูว่าสามารถทำได้ไหม และสุดท้ายให้คุณร้อยเชือกจนถึงรูสุดท้ายเสมอเพื่อล็อกข้อเท้าให้นิ่ง ไม่ให้เสียดสีกับรองเท้าจนเกิดบาดแผลได้

3. เลือกให้เหมาะกับลักษณะของอุ้งเท้าหรือฝ่าเท้า (Foot Arch)

สิ่งนี้ก็สำคัญเช่นก้น เพราะการเลือกรองเท้าให้ถูกกับลักษณะของอุ้งเท้าจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บได้ โดยวิธีการทดสอบนั้นง่ายมากๆ เพียงคุณนำเท้าไปจุ่มน้ำแล้วเหยียบลงบนกระดาษก็จะเกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา โดยแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะ ดังนี้

  • ฝ่าเท้าแบน (Flat Arch) – มีจุดเด่นตรงที่แทบไม่มีส่วนโค้งว้าวให้เห็นเลย แสดงว่าฝ่าเท้าแนบกับพื้นแทบจะสนิทเลยก็ว่าได้
  • ฝ่าเท้าปกติ (Normal Arch) แบบปกติจะแตกต่างกับแบบเท้าแบนตรงที่รอยคอดตรงกลางฝ่าเท้าจะเห็นได้ชัดเจนขึ้น แต่ไม่มากนัก ประมาณครึ่งหนึ่งของฝ้เท้สา
  • อุ้งเท้าสูง (High Arch) รอยคอดเว้าของคุณมีอุ้งเท้าแบบนี้จะเห็นได้ชัดเจน แสดงให้เห็นว่าอุ้งเท้าของคุณลอยสูงขึ้นจากพื้น
  • อุ้งเท้าสูงมาก (Very High Arch) – ส่วนแบบสุดท้ายนั้น จะคล้ายกับแบบอุ้งเท้าสูง แต่จะมีความสูงกว่ามาก โดยจะสังเกตได้ว่าช่วงคอดเว้านั้นหายไปเลย

ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์: STADIUM

4. กระชับกับหลังเท้า

สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญลำดับถัดมานั่นก็คือหลังเท้านั่นเอง โดยเจ้าหลังเท้าก็คือส่วนที่เป็นด้านบนของเท้านั่นเอง ต้องไม่ถูกบีบหรือรัดแน่นจนเกินไป 

5. ความโค้งงอหรือความยืดหยุ่นของรองเท้าวิ่งต้องสัมพันธ์กับรูปเท้า

ตอนเราวิ่งเท้าของเราจะเกิดการโค้งงออยู่ตลอด ดังนั้น ถ้าต้องเลือกรองเท้าวิ่งสักคู่ ลองสวมใส่แล้วลองขยับปลายเท้าขึ้นลงดูว่าสัมพันธ์กับรูปเท้าของเราหรือไม่ โดยให้สังเกตส่วนหัวรองเท้าว่ามีจุดหักงอใกล้เคียงกับเท้าของเราไหม หรือจะใช้อีกวิธีหนึ่งคือลองจับปลายรองเท้าหักงอขึ้น ก็จะทราบได้ทันทีว่ามีความยืดหยุ่นแค่ไหน ถ้าแข็งเกินไปก็ไม่ควรเลือกนะ เพราะมันจะไม่รองรับกับรูปเท้าของเรา มีโอกาสจะเกิดการบาดเจ็บได้

6. เลือกให้เหมาะกับประเภทหรือลักษณะการวิ่ง

หากคุณคิดว่ารองเท้าวิ่งคู่ไหนก็เหมือนกัน คุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะรองเท้าวิ่งแต่ละคู่นั้นออกแบบมาให้ใช้งานแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการวิ่งและพื้นผิวที่นำไปใช้วิ่ง คุณควรจะรู้ตัวเองก่อนว่าจะนำไปใช้วิ่งที่ไหน วิ่งแข่ง วิ่งบนเทรล (เครื่องออกกำลังกาย) หรือวิ่งระยะไกล โดยการเลือกรองเท้าวิ่งที่ใช่กับงานที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันคุณจากการบาดเจ็บได้

  • กรณีนำไปวิ่งระยะไกล – ต้องพิจารณาจาก Insole หรือก็คือพื้นรองเท้าด้านในเป็นหลัก ว่ารองรับแรงกระแทก (Cushion) ได้ดีหรือไม่ เพราะส่วนนี้จะช่วยให้คุณวิ่งได้นานโดยที่ไม่เจ็บเท้า
  • กรณีวิ่งบนเทรล – ควรเป็นรองเท้าที่มีพื้นขรุขระ หรือมีดอกยื่นออกมา เพราะจะช่วยยึดเกาะกับเทรลได้ดี ไม่ลื่นตกรางไป

7. น้ำหนักต้องเบา ระบายอากาศเป็นเลิศ

สำรวจน้ำหนักของรองเท้าวิ่งที่คุณสนใจท่อนจะซื้อทุกครั้ง เพราะคุณจะต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าเราเลือกซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้เพื่อมาช่วยให้คุณวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น รองเท้าวิ่งควรจะมีน้ำหนักที่เบา เพื่อช่วยให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลมากยิ่งขึ้นและไม่หน่วงเท้า ซึ่งนอกจากเรื่องน้ำหนักแล้ว การระบายอากาศเองก็สำคัญ เพราะถ้าระบายอากาศไม่ดี เกิดการอับชื้น จะทำให้เท้าของคุณเกิดการเสียดสีและได้รับบาดเจ็บได้

8. ความสวยงามเป็นรอง ความสบายต้องมาก่อน

คู่นี่สวยจัง! อยากได้มากเลย ถ้าคุณกำลังคิดแบบนี้ก่อนซื้อรองเท้าวิ่งขอให้เบรคไว้ก่อนเลย เพราะคุณจะใช้ความสวยงามหรือดีไซน์มาตัดสินไม่ได้ ควรลองสวมคู่ที่สนใจก่อนทุกครั้งว่าเป็นอย่างไร สวมได้สบายหรือไม่ จากนั้นค่อยพิจารณาความสวยงามทีหลัง ลองคิดดูว่าหากคุณเลือกจากความสวยงาม เมื่อนำไปวิ่งจริงๆ แล้วคุณเจ็บเท้า คุณคงไม่สวมมันวิ่งอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ “ความสบายในการสวมใส่” จึงมีความสำคัญมากๆ

9. เลือกซื้อในตอนเย็น

ถ้าเป็นไปได้ มาดามแนะนำให้คุณเลือกซื้อรองเท้าวิ่งในตอนเย็น เพราะเป็นช่วงที่เท้าของคุณขยายตัวเต็มที่ที่สุด ซึ่งแปลว่ารองเท้าวิ่งที่คุณเลือกมาจะมีขนาดที่พอดีและสวมได้สบายขณะวิ่งนั่นเอง ถ้าซื้อในช่วงเวลาอื่นๆ ก็อาจจะสวมใส่ได้สบายในเวลานั้นๆ แต่พอตกเย็นเมื่อไหร่ คุณจะรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที ซึ่งสำหรับรองเท้าวิ่งแล้ว เราจะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นไม่ได้

10. เช็กให้ชัวร์ว่ารองเท้าคู่ที่คุณสนใจคือรองเท้าวิ่งจริงๆ

หากคุณทำตามด้านบนหมดแล้ว สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องทำนั่นก็คือ ต้องเช็กให้ชัวร์ว่า รองเท้านั้นเป็นรองเท้าวิ่งจริงๆ ไม่ใช่รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแฟชั่นทั่วไป เพราะไม่สามารถทดแทนกันได้นะ เนื่องจากรองเท้าวิ่งเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อให้สวมใส่เพื่อวิ่งได้นานๆ และลดการเกิดอาการบาดเจ็บให้คุณได้นั่นเอง อย่าตกม้าตาย เพราะเลือกรองเท้ามาผิดแบบล่ะ!!

รองเท้าวิ่งที่น่าจับจองเป็นเจ้าของ

NIKE

Joyride Dual Run รองเท้าวิ่งผู้ชาย

ราคา: 5,000 2,000 บาท (ประหยัด 60%)

REEBOK

Sublite Legend 2 รองเท้าวิ่งผู้ชาย

ราคา: 2,090 1,095 บาท (ประหยัด 50%)

ADIDAS

EQ19 Run รองเท้าวิ่งผู้หญิง

ราคา: 2,300 1,380 บาท (ประหยัด 40%)

SKECHERS

GOrun MaxRoad 5 รองเท้าวิ่งผู้หญิง

ราคา: 4,990 บาท

และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในวันนี้ หวังว่าคงพอจะได้ไอเดียในการเลือกซื้อรองเท้าวิ่งกันแล้ว สำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปกันต่อได้เลยที่ Cenral Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยมที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย