how-to-choose-car-seats-for-your-child-and-7-car-seats-you-should-not-miss-2022

วิธีเลือกคาร์ซีทให้ดีกับตัวลูกน้อยที่สุด และ 7 คาร์ซีทแบรนด์ดังที่คุณไม่ควรพลาด!!

มาดามคาดว่าทุกคนน่าจะได้ทราบข่าวกันมาบ้างแล้วว่าต่อไปประเทศของเราจะมีกฏหมายสำหรับ “คาร์ซีท” กันแล้ว โดยพระราชบัญญัติการจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ซึ่งสาระสำคัญระบุให้ คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย และ คนโดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง ไม่ว่าจะนั่งแถวตอนใด ผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท เพราะฉะนั้นคงถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องจัดหาคาร์ซีทให้กับลูกน้อยไว้ใช้โดยสารกัน โดยมาดามมีวิธีเลือกคาร์ซีทให้ดีกับตัวลูกน้อยที่สุด และ 7 คาร์ซีทแบรนด์ดังมาฝากทุกคนกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นตามมาดามมาดูกันเลย

วิธีเลือกคาร์ซีทให้ดีกับตัวลูกน้อยที่สุด

1. ให้ความสำคัญกับป้ายรับรองมาตรฐาน

ใช่แล้ว!! อย่างแรกที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ป้ายรับรองมาตรฐานของคาร์ซีทนั่นเอง โดยให้สังเกตง่ายๆ ดังนี้

  • ECE R44 – ถ้าคุณเห็นรหัสนี้แปลว่าคาร์ซีทอันนี้ได้รับผ่านมาตรฐานในเรื่องการทดสอบการกระแทกด้านหน้าและด้านหลังของตัวคาร์ซีทแล้ว
  • UNr 129 – ส่วนรหัสนี้แปลว่าตัวคาร์ซีทได้รับการทดแล้วว่ามีมาตรฐานในการป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง
  • FMVSS Federal Motor Vehicle Safety Standard 213 Child Restraint Systems (มาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา) – หากคุณเห็นมาตรฐานนี้ มั่นใจได้เลยว่าจะปลอดภัยกับตัวของลูกน้อยอย่างแน่นอน โดยมีข้อกำหนดที่ต้องทดสอบคาร์ซีทด้วยความเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมง แบบ “Frontal Sled Test” เพื่อจำลองการชน โดยมีข้อกำหนดเกี่ยวกับบริเวณรอบๆ ศีรษะของคาร์ซีทสำหรับเด็กมีน้ำหนัก 22 ปอนด์หรือน้อยกว่า คาร์ซีทต้องเป็นไปตามมาตรฐานและแรงปลดล็อกหัวเข็มขัด โดยคาร์ซีทต้องมีป้ายที่สามารถมองเห็นได้บนตัวยึด ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานของรัฐบาลกลาง พร้อมทั้งมีคู่มือ คำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการติดตั้งและการใช้งานที่ถูกต้อง ชื่อและที่อยู่ของผู้ผลิต และวันที่การผลิต 

2. ระบบเข็มขัดเอาให้ชัวร์แบบรัด 5 จุด (5-points harness) ไปเลย!!

เอาจริงๆ แล้วคาร์ซีทจะมีแบบรัด 3 จุดหรือแบบสายคาดธรรมดาด้วย แต่มาดามว่ามันจะไม่ค่อยปลอดภัยกับตัวลูกน้อยสักเท่าไหร่ ดังนั้น เลือกแบบ 5 จุดไปเลยจะดีที่สุด เพราะสามารถรัดได้แน่นหนา คือมีตรงที่รัดไหล่ 2 เส้น รัดเอว 2 เส้น และหว่างขา 1 เส้น นั่นเอง

3. เลือกซื้อมือหนึ่งเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

ความใหม่ของคาร์ซีทมีผลต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก ดังนั้น มาดามแนะนำว่าให้ลงทุนซื้อมือหนึ่งไปเลยจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของชีวิตลูกน้อยนั่นเอง อย่าเห็นแก่ของถูกนะ เพราะของมือสองนั้นสุ่มเสี่ยงมากๆ ว่าจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว และมาย้อมแมวขายคุณอีกที

4. คาร์ซีทที่เลือกมาต้องเหมาะสมกับช่วงอายุและส่วนสูงของลูกน้อย

การเลือกคาร์ซีทมาใช้งานสักอันนั้นต้องใช้ความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก จะเลือกแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไมได้นะคุณพ่อคุณแม่ เพราะต้องเลือกแบบให้เหมาะสมกับช่วงอายุและส่วนสูงของลูกน้อยด้วย โดยจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

  • คาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rearward-facing baby seat) – คาร์ซีทแบบนี้จะมีลักษณะการหันหน้าไปทางเบาะ หรือหันหลังให้กับด้านหน้ารถนั่นเอง ซึ่งจะเหมาะสำหรับ “เด็กแรกเกิด” ไปจนถึง “อายุ 3 ปี” เพราะช่วงวัยนี้กระดูกต้นคอยังแข็งแรงไม่มากพอที่จะรับแรงกระแทกนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องติดตั้งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ จะช่วยลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อยได้ เมื่อรถเกิดเบรกขึ้นมากระทันหันนั่นเอง
  • คาร์ซีทแบบหันหน้าไปทางหน้ารถ (Forward-facing child seat) – สำหรับเด็กโตขึ้นมาหน่อยอายุ 2-5 ปี สามารถใช้งานแบบหันหน้าไปทางหน้ารถได้แล้ว แต่ที่ต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติมคือต้องเลือกให้เหมาะกับส่วนสูงด้วย
  • คาร์ซีทแบบผสม (Combination seat) – ก็คือคาร์ซีทสามารถเป็นได้ทั้งแบบหน้าเข้าหาเบาะและหันหน้าไปทางรถนั่นเอง เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-5 ปี โดยข้อดีของเจ้าคาร์ซีทแบบนี้ เปรียบเสมือนการเลือกซื้อเสื้อผ้าเผื่อโตให้กับลูกน้อยนั่นเอง ตอนที่ลูกยังเล็กอยู่ กระดูกคอไม่แข็งก็ติดตั้งแบบหันหน้าให้เบาะ พอโตขึ้นมาหน่อยก็เปลี่ยนเป็นไปหันหน้ารถได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามถ้าส่วนสูงไม่เหมาะสมกับเบาะแล้ว ก็ยังต้องเปลี่ยนอยู่ดี เพื่อความปลอดภัย
  • คาร์ซีทแบบมีพนักพิงด้านหลัง (High-backed Booster Seat) – คาร์ซีทแบบนี้จะใช้สำหรับเด็กที่โตประมาณหนึ่งแล้ว คือ ในช่วง 5 ปีขึ้นไปหรือเด็กที่น้ำหนักตัวไม่เกิน 25 กิโลกรัม นั่นเอง เพราะจะช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น และเป็นการปรับตัวสำหรับการนั่งเบาะธรรมดาที่ต้องคาดเข็มขัดได้อีกด้วย

5. มีการป้องกันกระแทกด้านข้าง

สิ่งนี้สำคัญมากๆ นะ มาดามขอบอก เพราะ จากสถิติถารเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ประมาณ 25-30% ที่เกิดจากทางด้านข้าง เพราะฉะนั้นควรเลือกคาร์ซีทที่ป้องกันแรงกระแทกจากด้านข้างได้ จะสามารถป้องกันได้อย่างครอบคลุมที่สุด

6. ติดตั้งง่าย ใช้คล่อง

ใช่แล้วสิ่งต่อมา คือ ต้องติดตั้งได้ง่ายนั่นเอง ถ้าใช้แต่ละต้องมามีขั้นตอนเยอะแบบนี้ก็ไม่ไหว ให้หาแบบที่มี ISOfix จะดีที่สุด เพราะถ้ามีสิ่งนี้จะช่วยให้การติดตั้งรวดเร็วขึ้นมากเลยล่ะ โดยเจ้า ISOfix จะมีลักษณะเป็นแหวนโลหะที่ส่วนด้านล่างไว้สำหรับเชื่อมต่อคาร์ซีทเข้ากับเบาะรถยนต์ได้อย่างสะดวกสบาย

7. เลือกคาร์ซีทที่ใช้งานได้ระยะยาว

การเลือกคาร์ซีทที่ใช้งานได้ระยะยาวนั้นไม่ได้หมายถึงเลือกคาร์ซีทที่มีคุณภาพอย่างเดียว ต้องดูตรงที่วางขาด้วยว่าสามารถปรับระดับได้ไหม เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คาร์ซีทที่คุณเลือกมานั้นสามารถใช้งานระยะยาวได้นั่นเอง เนื่องจากตรงบริเวณขาสามารถปรับให้เข้ากับขาของลูกน้อยได้ตามวัยไม่ต้องเปลี่ยนหลังจากที่แน่นแล้ว

8. ทุกชิ้นส่วนทำความสะอาดง่าย

และอย่างสุดท้ายนั่นก็คือเรื่องของความสะอาดนั่นเอง ถ้าเป็นไปได้ควรจะเลือกเบาะที่กันน้ำ จะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่า เพราะไม่เลอะเทอะนั่นเอง แต่ข้อสุดท้ายนี้เป็นเพียง options เสริมเท่านั้นนะ ไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ เพราะไม่ได้ส่งกับตัวของลูกน้อยมากนัก

ตอบคำถามเรื่องคาร์ซีทโดย My Little Club by Central & Robinson

Q: คาร์ซีทมีประโยชน์อย่างไร?

A: ช่วยลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กลงได้ คิดเป็นร้อยละ 60 ของจำนวนเด็กที่เสียชีวิตทั้งหมด

Q: สถิติการเกิดอุบัติทางท้องถนนกับเด็กที่ไม่ได้นั่งบนคาร์ซีท?

A: เด็กอายุ 1-14 ปี บาดเจ็บ 2,000 คน เสียชีวิต 700-1000 คน

Q: เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถสามารถใช้กับเด็กได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่?

A: เหมาะสำหรับเด็กอายุ 10 ปีขึ้นไป

Q: ราคาคาร์ซีทมือ 1 เริ่มต้นตั้งแต่กี่บาท?

A: 2,000 บาทขึ้นไป

Q: คาร์ซีทมือสองใช้ได้หรือไม่?

A: คาร์ซีทมือ2 มีความเสี่ยงของการนำมาใช้ซ้ำโดยเฉพาะที่เคยประสบอุบัติเหตุมาแล้ว

Q: ตอนนี้มีข้อกำหนดหรือยังว่าต้องติดตั้งบนรถประเภทไหนบ้าง?

A: ยัง ต้องรอประกาศจากกรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง

Q: เริ่มโดนจับหรือปรับตอนไหน?

A: ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการร่างข้อกำหนดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระหว่างวันนี้ 5 กันยายน – 5 ธันวาคม 2565 หากใครฝ่าฝืนจะได้รับโทษตามที่มาดามบอกไปแล้วในข้างต้น

7 คาร์ซีทแบรนด์ดังที่คุณไม่ควรพลาด!!

1. COMBI CARSEAT JOYTRIP EG BROWN

ราคา: 18,500 บาท

ภาพรวม: เป็นเบาะแบบผสม สามารถปรับได้ถึง 3 รูปแบบตามวัยของลูกน้อย มี Egg Shock ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือนที่บริเวณศรีษะเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึง 11 ขวบ ที่นั่งเป็นตาข่าย 3D และพนักพิงระบายอากาศช่วยให้ลูกน้อยนั่งสบายตลอดการเดินทาง และยังมีคุณสมบัติอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!! 

2. COMBI เบาะติดรถยนต์สำหรับเด็ก Wego Long Car Seat รุ่น CB113142 สีกรมท่า

ราคา: 18,900 บาท

ภาพรวม: เป็นเบาะแบบผสม สามารถปรับได้ถึง 3 รูปแบบตามวัยของลูกน้อย มี Egg Shock ช่วยรองรับแรงสั่นสะเทือนที่บริเวณศรีษะเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึง 7 ปี และยังมีคุณสมบัติอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

3. CAMERA คาร์ซีท รุ่นชายน์ สีแดง

ราคา: 6,790 3,190 บาท (ประหยัด 53%)

ภาพรวม: มาพร้อมกับระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ความปลอดภัยขั้นสูงสุด มีที่วางแก้วหรือขวดนม เพื่อความสะดวกสบายในการเก็บมากขึ้น นอกจากนี้ยังมี ผ้าชนิดพิเศษ BREATHABLE FRABIC ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อนและอึดอัด เนื้้อผ้ายากต่อการขึ่นขุย สีซีดจางได้ยาก เหมาะสำหรับเด็กอายุ 9 เดือน – 12 ปี เพราะตัวเบาะสามารถแยกเป็นบูสเตอร์ได้นั่นเอง และยังมีคุณสมบัติอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

4. GRACO GR 4EVER DLX CAR SEAT FAIRMONT

ราคา: 22,995 15,995 บาท (ประหยัด 30%)

ภาพรวม: มาพร้อมกับระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ความปลอดภัยขั้นสูงสุด ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยการป้องกันแรงกระแทกรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า, ด้านข้าง และด้านหลัง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการปกป้องแรงกระแทกซ้อน 2 ครั้ง ผ่านการทดสอบอุณหภูมิ ทนต่อสภาพอากาศร้อนจัด หรือเย็นจัด นั่นเอง เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึง 10 ปีและยังมีคุณสมบัติอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

5. CHICCO คาร์ซีท Nextfit Max Zip Air รุ่น CH430796714600 สีVero

 

ราคา: 24,995 19,996 บาท (ประหยัด 20%)

ภาพรวม: เป็นเบาะแบบผสมปรับได้ถึง 2 รูปแบบ คือ หันเข้าหาเบาะและหันหน้าไปทางรถ มาพร้อมกับระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ความปลอดภัยขั้นสูงสุด และยังมีคุณสมบัติอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!! มีพื้นที่วางขาเพิ่มขึ้น 25% สำหรับโหมดหันหน้าไปด้านหลัง และพื้นที่รองรับน่องเด็กสำหรับโหมดหันไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

6. EMBIX สีเทา คาร์ซีท มูน

ราคา: 11,900 7,690 บาท (ประหยัด 35%)

ภาพรวม: เป็นเบาะแบบผสมปรับได้ถึง 2 รูปแบบ หันเข้าหาเบาะและหันหน้าไปทางรถ มีเบาะที่หมุนได้ 360 องศา ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่อุ้มลูกขึ้นและลงรถได้สะดวก มีสายนิรภัย 5จุด พร้อมปลอกหนานุ่มหุ้มสายนิรภัย เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดไปจนถึง 12 ปี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

7. RECARO คาร์ซีท Young Sport Hero Prime รุ่น RR430880143100 สีSilent Grey

ราคา: 18,995 15,196 บาท (ประหยัด 20%)

ภาพรวม: เป็นเบาะแบบผสมปรับได้ถึง 2 รูปแบบ หันเข้าหาเบาะและหันหน้าไปทางรถ มาพร้อมเข็มขัดนิรภัย 5 จุด มีระบบป้องกันแรงกระแทกด้านข้างสูงสุดแบบ ADVANCED SIDE PROTECTION (ASP) เหมาะสำหรับเด็กอายุ 9 เดือน – 12 ปี นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นอื่นอีกเพียบ สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!! สามารถคลิ้กที่ปุ่ม Shop Now เพื่อไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลย!!

และนี่ก็คือทั้งหมดที่มาดามนำมาฝากคุณในครั้งนี้ และขอบคุณข้อมูลจากเพจ My Little Club มา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับใครที่อยากรับทราบข้อมูลข่าวสาร หรือข้อมูลเกี่ยวแม่และเด็ก สามารถไปกดไลก์กดติดตามกันได้เลย เพียงคลิ้กที่ชื่อเพจเท่านั้น และสำหรับใครที่อยากไปช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยม ที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย