“จัสติน บีเบอร์” ป่วยใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก! โรคนี้คืออะไร มาดูกัน!

FC ของ จัสติน บีเบอร์ (Justin Beiber) คงช็อคกับข่าวที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกเกี่ยวกับอาการป่วยของศิลปินชื่อดังก้องโลกรายนี้ ยิ่งถ้าใครได้เห็นคลิปที่จัสตินออกมาอธิบายอาการของโรค รวมทั้งต้องขอโทษแฟนๆ ที่ต้องยกเลิกและเลื่อนการแสดงคอนเสิร์ตทั่วโลก หรือ Justice World Tour 2022 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะนักร้องหนุ่มไม่สามารถเคลือนไหวใบหน้าซีกขวาได้ เชื้อไวรัสเข้าไปทำลายเส้นประสาทในหู และใบหน้า ทำให้ใบหน้าด้านขวาของเขาไม่สามารถขยับได้ เขาไม่สามารถกะพริบตา หรือยกมุมปากขวาเพื่อยิ้มได้อย่างปกติ แฟนเพลงชาวไทยเองก็คงอดห่วงไม่ได้ เพราะจัสตินมีแผนมาทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน ช่วงปลายปี 2565 นี้ 

JUSTIN BEIBER RAMSAY HUNT SYNDROME

โรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีกคือโรคอะไร

Varizella Zoster Virus

โรคใบหน้าอัมพาตครึ่งซีก หรือ Ramsay Hunt Syndrome หรือโรคเริมงูสวัด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Varizella Zoster Virus (VZV) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกันกับที่ทำให้เกิดอาการของงูสวัดและโรคอีสุกอีใส คนที่เคยเป็นโรคนี้แล้ว ตัวไวรัสอาจจะยังอยู่ในร่างกายโดยไม่ก่อให้เกิดโรคได้หลายปี แต่เมื่อก่อให้เกิดโรค ก็จะเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรค โดยการอักเสบติดเชื้อดังกล่าว จะทำให้เส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งทำหน้าที่ในการเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้า หูชั้นใน และการรับรสบางส่วนเกิดการอักเสบ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการอัมพาตของใบหน้าครึ่งซึก หลับตาไม่สนิท ทำให้มีอาการเคืองตา หรือล้างหน้าแล้วแสบตาเนื่องจากน้ำสบู่เข้าตา เป็นต้น

โรคแรมเซย์ ฮันต์ เป็นโรคซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากงูสวัดโดยตรง เกิดจากการที่เชื้อไวรัสเข้าไปจู่โจมเส้นประสาทสมอง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ปวดหู การได้ยินลดลง เวียนหัว บ้านหมุน ได้ยินเสียงหึ่งๆ เกิดตุ่มน้ำภายในหู เสียการรับรู้รสชาติอาหาร ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่งเบี้ยว ซึ่งจะต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัส และต้องรีบรักษาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากเกิดอาการเพราะการรักษาตั้งแต่แรกๆ จะทำให้ได้รับผลการรักษาที่ดีกว่า หากช้ากว่านี้อาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร

สาเหตุของโรค Ramsay Hunt Syndrome

GACIAL PARALYSIS

กลุ่มอาการของโรคแรมเซย์ ฮันต์ เกิดจากไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคงูสวัด หรือโรคอีสุกอีใส เชื้อไวรัสจะจู่โจมบริเวณเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 ซึ่งเป็นเส้นประสาทใบหน้าใกล้หูข้างใดข้างหนึ่ง เส้นประสาทส่วนนี้จะทำหน้าที่ในการเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้า เมื่อโดนไวรัสจู่โจมจะส่งผลทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าครึ่งซีกอ่อนแรง เกิดอัมพาตใบหน้าและสูญเสียการได้ยินในหูข้างที่โดนผลกระทบ

กลุ่มอาการของโรคนี้เกิดจากไวรัสตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส ถึงแม้โรคอีสุกอีใสจะหายไปแล้ว แต่ไวรัสก็จะยังอยู่ในประสาทของเรา ไวรัสสามารถหลบซ่อนในตัวคนได้เป็นเวลาหลายปี เมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำและร่างกายอ่อนแอ ไวรัสจะกลับมาในรูปของโรคงูสวัด และทำให้เรามีโรคแทรกซ้อนอย่างโรคแรมเซย์ ฮันต์ ขึ้นมาได้

อาการของโรค

อาการของโรคอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก หรือโรคแรมเซย์ ฮันต์มีอาการมากมายหลายอย่าง ดังต่อไปนี้

  • เริ่มจากอาการอักเสบทั่วไป และเกิดเฉพาะที่ 
  • มีอาการปวด บวม แดง ร้อน ในตำแหน่งบริเวณใบหูของข้างที่เกิดอาการ 
  • ครั่นเนื้อ ครั่นตัว ปวดศีรษะ อาจมีไข้ต่ำๆ และรู้สึกไม่สบายตัว
  • พบตุ่มน้ำใส  เกิดบริเวณใบหู โดยจะรู้สึกแสบๆ คันๆ หรือแสบร้อนกว่าตุ่มทั่วๆไป 
  • มีอาการปวดแปลบๆ อาจมีอาการคันและแสบ ร้อน ก่อนมีผื่น 1-3 วัน
  • ตุ่มน้ำใสๆ จะทยอยขึ้นใน 4 วันแรกแล้วจะตกสะเก็ดใน 7-10 วัน
  • ในบางรายที่มีตุ่มขึ้นที่ใบหน้า อาจมองแสงจ้าไม่ได้ ตามแนวเส้นประสาทสมองที่ 5 อาจจะทำให้เกิดตาบอด (Zoster Ophthalmicus) และเส้นประสาทสมองที่ 7 ทำให้มีอาการปากเบี้ยวครึ่งซีก
  • อาจมีอาการเวียนศีรษะ อาเจียน คอแข็ง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
  • มีผื่นแดงและตุ่มน้ำบริเวณรอบหูข้างหนึ่ง
  • ปวดหู และหูอื้อ หลับตาข้างเดียวลำบาก
  • ปากและตาแห้ง การรับรู้รสชาติเปลี่ยนแปลงไปหรือสูญเสียการรับรู้รสชาติ
  • สูญเสียการได้ยิน
  • ใบหน้าอ่อนแรงหรืออัมพาตด้านเดียวกับหูข้างที่ได้รับผลกระทบ
  • โดยปกติผื่นแดงและอาการอัมพาตบริเวณใบหน้ามักจะเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ในบางครั้งอาจเกิดอาการใดอาการหนึ่งก่อนได้ หรือในบางครั้งอาจจะไม่มีผื่นเกิดขึ้นเลยก็ได้
  • ในหญิงตั้งครรภ์ อาจแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ ทำให้เกิดความผิดปกติในทารกได้

ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ป่วยโรคโรคแรมเซย์ ฮันต์อาจมีภาวะอาการแทรกซ้อนได้ดังต่อไปนี้

1. สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรและใบหน้าอ่อนแอ

1 HEARING LOSS

สำหรับคนส่วนใหญ่ การสูญเสียการได้ยินและอาการอัมพาตบริเวณใบหน้าจะค่อยๆ หายไปและกลับเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนไข้ส่วนหนึ่งที่เกิดอาการถาวรได้

2. ดวงตาได้รับความเสียหาย

2 EYES

เนื่องจากโรคแรมเซย์ ฮันต์อาจทำให้เราปิดเปลือกตาได้ยากมากขึ้น ส่งผลกระทบให้กระจกตาซึ่งทำหน้าที่ในการปกป้องดวงตาของเราอาจเกิดความเสียหายได้ และทำให้เราเกิดอาการปวดตาและตาพร่ามัว

3. อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด  

3 Postherpetic Neuralgia

อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด หรือ Postherpetic Neuralgia (PHN) เป็นอาการเจ็บปวดที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าอาการอื่นๆ ของโรคแรมเซย์ ฮันต์จะหายไปแล้ว โดยอาการนี้สามารถมีอยู่ได้เป็นเดือนหรือเป็นปีและสามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

การป้องกันและการรักษา

HOW TO TREAT

นายแพทย์ ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลประสาท พญาไท กล่าวว่า โรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หรือโรคแรมเซย์ ฮันต์ เป็นโรคที่สามารถค่อยๆ ฟื้นตัวและดีขึ้นเองได้ โดยเมื่อเข้ามาพบแพทย์ แพทย์จะวินิจฉัยจากการซักประวัติ การตรวจร่างกาย ร่วมกับการตรวจการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ การรักษาโรคใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก คือ รักษาตามสาเหตุที่ทำให้โรค เช่น ให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสในกรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเริม หรืองูสวัดร่วมด้วย

เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคอัมพาตใบหน้า หรือโรคแรมเซย์ ฮันต์ ควรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคอีสุกอีใส ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ๋ คนไม่เคยได้เชื้อมาก่อน หรือคนที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน ส่วนผู้สูงอายุที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัด การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สุกใส ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ ซึ่งฉีดเพียง 1 เข็ม สามารถป้องกันได้ตลอดชีวิต ถ้าฉีดตอนอายุมากกว่า 13 ปี ควรฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4-8 สัปดาห์

ในด้านการรักษา แพทย์อาจสั่งจ่ายยายาต้านไวรัส ยาต้านความวิตกกังวลและยาแก้ปวด รวมถึงอาจมีการจ่ายยาหยอดตาในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการตาแห้ง หรือแนะนำให้สวมผ้าปิดตาร่วมด้วย

อาจมีการให้ยาสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการอักเสบในรายที่ไม่มีการติดเชื้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดใบหน้า เช่น การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า การกระตุ้นเส้นประสาทด้วยกระแสไฟฟ้า หรือนวดใบหน้า ช่วยลดภาวะกล้ามเนื้อตึงเกร็ง และการผ่าตัดในผู้ป่วยบางราย ก็อาจสามารถช่วยในการบำบัดรักษาได้อีกด้วย

Ramsay Hunt Syndrome นับเป็นโรคที่น่าวิตกกังวลหากเกิดขึ้นกับเรา การที่จัสติน บีเบอร์ป่วยด้วยโรคนี้นับเป็นการช่วยให้ผู้คนทั่วโรคได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันตัวจากสาเหตุของโรค จากโรคอีสุกอีใส และงูสวัด หากไม่อยากเจ็บป่วย หรือทุกข์ทรมานจากโรคนี้ แนะนำให้ไปฉีดยาป้องกันไว้ก่อน และขอความรู้เพิ่มเติมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สุดท้ายนี้ ขออวยพรให้ศิลปินหนุ่มที่เรารัก จัสติน บีเบอร์หายป่วยเร็วๆ กลับมาแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิม แฟนๆ ชาวไทยกำลังรอดูคอนเสิร์ต อยากได้สัมผัสจัสตินตัวเป็นๆ ในปลายปีนี้นะคะ Be Healthy & Be Happy 

ขอบคุณข้อมูลจาก: mcot.net/news.thaipbs.or.th/trueid.net

Picture credit: pinterest.com/dimensionsofdentalhygiene.com