5 วิธีดูแลตัวเอง พร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 อย่างอยู่หมัด!

เมื่อฝุ่นร้าย PM 2.5 กลับมาอีกครั้ง ทำให้หลายคนเกิดปัญหากับระบบทางเดินหายใจ ทั้ง หายใจติดขัด โรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดกำเริบ ไอและเจ็บคอ ไปจนถึงเจ็บป่วยไม่สบาย วันนี้ Central Inspirer จึงอยากมาแชร์วิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อรับมือกับปัญหาฝุ่นร้ายในเมืองอย่างอยู่หมัด!

ฝุ่น PM 2.5 คืออะไร?

คือฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า หลายคนจึงอาศัยการเช็คค่าปริมาณฝุ่นจากแอพพลิเคชั่นต่างๆ ว่าอยู่ในระดับที่ปลอยภัยมากน้อยแค่ไหน (สามารถโหลดใช้งานได้ฟรี เช่น AirVisual Air Quality Forecast และ Air4Thai) โดยเจ้าฝุ่นเหล่านี้เกิดจากการเผาไหม้จากกระบวนการทำอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งจากยานพาหนะ และไฟป่า ซึ่งด้วยความที่ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมากๆ มันจึงสามารถเข้าไปถึงถุงลมในปอด ส่งผลทําให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ เช่น มีอาการหอบหืด หลอดลมอักเสบ รวมถึงโรคปอดต่างๆ และหากได้รับการสะสมเป็นปริมาณมาก ก็อาจทำให้ปอดเสื่อมประสิทธิภาพลงได้เลย

เมื่อรู้แล้วว่าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ส่งผลร้ายต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาวแค่ไหน ก็ถึงเวลาที่เพื่อนๆ ต้องหันมาดูแลตัวเองและหลีกเลี่ยงฝุ่นอย่างจริงจัง เรามาดู 5 วิธีง่ายๆ ที่ช่วยป้องกันฝุ่นร้ายกันดีกว่า

  1. ใส่หน้ากากตลอดเวลาเมื่อออกไปข้างนอก

เพราะคนเราต้องเดินทางทุกวันจึงยากที่จะหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกและเผชิญฝุ่นร้าย การหาหน้ากากที่ได้รับมาตรฐานมาใส่ป้องกันฝุ่น จึงถือเป็นวิธีที่สะดวกและมีประสิทธิภาพทีเดียว โดยวิธีการเลือกซื้อหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 ควรเลือกลักษณะที่สามารถครอบทั้งปากและจมูกได้อย่างมิดชิด ที่สำคัญควรอ่านฉลากว่าสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้จริงๆ เช่น หน้ากากอนามัยมาตรฐาน N95 ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กมากถึงขนาด 0.3 ไมโครเมตร ได้มากกว่า 95% เป็นต้น และควรเปลี่ยนหน้ากากทุกวันเพื่อสุขอนามัยที่ดีที่สุด 

2. กลุ่มเสี่ยงควรเตรียมยาให้พร้อม

สำหรับหลายๆ คนที่มีโรคประจำตัวอย่าง โรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะการแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ โรคหอบหืด รวมทั้งโรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนัง โรคหัวใจและหลอดเลือด มักจะมีอาการกำเริบหลังจากได้สัมผัสกับฝุ่นร้ายอย่าง PM 2.5 คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจึงควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษด้วยการพกยาแก้แพ้หรือยาประจำตัวติดตัวไว้อยู่เสมอเพื่อป้องกันอาการกำเริบ รวมทั้งผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนท้อง ก็ควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษเช่นกัน รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการออกไปเจอฝุ่นข้างนอกด้วย

3. พักผ่อนให้เพียงพอและฟิตร่างกายให้พร้อมเสมอ

ขาดไม่ได้เลยกับการดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาด และออกกำลังกาย (ช่วงนี้ควรออกกำลังกายในที่ร่มเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่น) เพราะเราจะสู่ฝุ่นร้ายได้อย่างไร หากร่างกายเราไม่พร้อม ดังนั้นการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองจึงเป็นข้อปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้เรารับมือกับฝุ่นร้ายได้นั่นเอง

4. ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด

เบื้องต้นของการป้องกันไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในบ้านหรืออาคารด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ การปิดประตูและหน้าต่างทุกบานให้มิดชิด เพื่อไม่ให้ฝุ่นละอองเข้ามาได้ และควรหมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ เพื่อไม่ให้บ้านหรือที่พักของเรามีฝุ่นสะสม เพราะเมื่อต้องเจอฝุ่นร้ายนอกบ้านแล้ว ในบ้านก็ควรสะอาดและปลอดฝุ่นให้มากที่สุดเพื่อให้เราได้เซฟร่างกายได้เต็มที่

5. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม

ถือเป็นข้อที่สำคัญทีเดียว เพราะรู้หรือไม่ว่าแม้ว่าเราจะปิดประตูหรือหน้าต่างให้มิดชิดแค่ไหน ก็ยังมีฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้ามาในบ้านหรืออาคารได้อยู่เสมอ ตัวช่วยที่ดีที่สุดและจะรับประกันได้ว่าจะสามารถกำจัดฝุ่นร้ายได้อย่างอยู่หมัดคือการเลือกติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) ที่สามารถกำจัดฝุ่นละออง PM 2.5 ไวรัส แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเครื่องฟอกอากาศตัวไหนก็จะกำจัดฝุ่นได้หมดจด เพราะการเลือกติดตั้งเครื่องฟอกอากาศให้เข้ากับสถานที่และการใช้งานก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศควรคำนึงถึงการเลือกซื้อดังต่อไปนี้

เลือกให้เหมาะกับขนาดของห้อง

ปกติแล้วเราสามารถแยกขนาดเครื่องฟอกอากาศออกได้เป็น 3 ขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ โดยขนาดของเครื่องฟอกอากาศแต่ละขนาดจะเหมาะกับขนาดของห้องที่ติดตั้งต่างกัน ดังนี้

  • เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการตั้งในห้องส่วนตัวหรือห้องที่มีขนาดไม่เกิน 28 ตร.ม.
  • เครื่องฟอกอากาศขนาดกลาง เหมาะสำหรับการตั้งในห้องที่มีขนาด 28 – 65 ตร.ม.
  • เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการตั้งในพื้นที่ที่มีขนาด 65 – 177 ตร.ม.

เลือกให้ถูกลักษณะการใช้งาน

เพราะเครื่องฟอกอากาศมีหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน บางรุ่นมีฟีเจอร์เสริมให้ใช้งานได้สะดวกสบายและทันสมัยเหมาะกับคนเมือง เช่น ระบบ wifi ที่ควบคุมการใช้งานได้ด้วยสมาร์ทโฟน ระบบตรวจสอบอากาศในห้องแบบอัตโนมัติ ระบบหลายใบพัดที่เป่าลมได้หลายระดับ ไปจนถึงการมีล้อเลื่อนและที่จับให้เคลื่อนย้ายสะดวก ฯลฯ ฟังก์ชั่นต่างๆ เหล่านี้ก็เป็นอีกข้อควรคำนึงถึงก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศว่าจำเป็นหรือไม่ เพราะถ้าคิดว่าฟังก์ชั่นไหนไม่จำเป็น ก็สามารถเลือกซื้อรุ่นที่ฟังก์ชั่นน้อยกว่าและราคาถูกกว่า แต่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่าจริงๆ

ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ตรงไหนในบ้าน?

อีกข้อสำคัญหลักจากซื้อเครื่องฟอกอากาศมาแล้ว คือการเลือกตั้งเครื่องฟอกอากาศในที่ที่เหมาะสมเพื่อให้เครื่องฟอกอากาศสร้างอากาศที่บริสุทธิ์สำหรับเราได้ดีที่สุด โดยควรตั้งเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุดนั่นเอง เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือย้ายเครื่องฟอกอากาศไปตั้งอยู่ใกล้ๆ ด้วยเสมอ ในกรณีนี้ควรเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่มีล้อเพื่อให้เคลื่อนย้ายสะดวกและไปกับเราได้ทุกที่ในบ้านนั่นเอง

เมื่อรู้วิธีการรับมือกับฝุ่นร้าย PM 2.5 เบื้องต้นพร้อมวิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งานกันแล้ว เพื่อนก็พร้อมมั่นใจกับการเผชิญปัญหามลพิษในเมืองกันอย่างมั่นใจแล้ว ส่วนใครที่ยังอยากหาตัวช่วยป้องกันมลพิษด้วย หน้ากากอนามัย และ เครื่องฟอกอากาศ หลากหลายรุ่นที่มีให้ช้อปกันอย่างจุใจพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมายก็สามารถเข้าไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online นะคะ

 Shop Now