แม้ว่าเราทุกคนในตอนนี้จะต้องกักตัว ทำงานอยู่บ้าน แต่ทาง Central Inspirer เชื่อว่า หลายๆ คนก็ยังต้องตื่นแต่เช้า และต้องดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นกาแฟแคปซูล หรือกาแฟสำเร็จรูปแบบซองเพื่อให้ร่างกายตื่นตัวเต็มที่ แต่!! คุณเบื่อหรือยังที่จะต้องชงกาแฟรสชาติเดิมๆ ดื่มในทุกๆ วัน ลองฝึกทำเองดูไหม!? รับรองว่าฟินกว่าอย่างแน่นอน แม้จะเพิ่มเวลาในการชงกาแฟมากขึ้น แต่ก็แลกมากับกาแฟที่มีรสชาติในแบบของคุณเองและช่วยคลายเบื่อได้ในยามกักตัว ซึ่งในครั้งนี้ทางเรานำวิธีชงกาแฟแบบต่างๆ มาฝากกันจะมีแบบไหนบ้างนั้นตามมาดูกันเลย!!
5 วิธีการชงกาแฟที่คุณควรรู้
ก่อนที่เราจะไปเรียนรู้วิธีกางกาแฟรสชาติต่างๆ นั้น เรามาดูกันก่อนดีกว่าว่าการชงกาแฟนั้นมีกี่วิธี เพราะทาง Central Inspirer เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะไม่เคยทราบกัน
1. ดริป (Drip)
เชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินการชงแบบดริปกันมาบ้างแล้วแต่อาจยังไม่ทราบว่ามีลักษณะแบบไหน โดยการชงแบบดริปนั้นถือเป็นการชงกาแฟที่ต้องอาศัพความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการชงกาแฟด้วยกระดาษกรอง โดยให้น้ำร้อนหรือหยดน้ำค่อยๆ ซึมผ่านกาแฟลงไปยังภาชนะที่รองรับ ซึ่งต้องใช้อุณหภูมิที่พอเหมาะและความเร็วในการรินน้ำร้อนที่พอดีถึงจะได้กาแฟที่ยอดเยี่ยมออกมา สำหรับใครที่อยามชมการชงกาแฟแบบนี้สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปรับชมได้เลย
2. เคเม็กซ์ (Chemex)
จะมีความคล้ายกับการชงกาแฟแบบดริปที่ใช้น้ำร้อนเทผ่านผงกาแฟและกระดาษกรองลงไป แต่จะแตกต่างกันตรงที่การชงกาแฟแบบเคเม็กซ์จะใช้ถ้วยชงที่มีลักษณะเฉพาะตัว ดังภาพด้านบนเลย สำหรับใครที่สงสัยว่าตอนชงเป็นอย่างไร สามารถไปรับชมได้ ที่นี่ เลย
3. โมคะพ็อต (Moka Pot)
สำหรับการชงกาแฟแบบโมคะพ็อตจะเป็นการชงกาแฟสไตล์อิตาเลียนที่เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมมากๆ เพราะสามารถทำได้ง่ายนั่นเอง โดยการชงกาแฟแบบนี้ เราจะต้องมีโมคะพ็อตก่อน โดยเจ้าตัวโมคะพ็อต จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ชั้นหลักๆ คือ
- ด้านบนสุด – จะเป็นที่บรรจุน้ำกาแฟหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการจาก 2 ชั้นด้านล่าง
- ตรงกลาง – จะเป็นที่ใส่ผงกาแฟ
- ด้านล่าง – จะเป็นที่ใส่น้ำ
โดยวิธีการชงจะเริ่มจากการแยกชิ้นส่วนออกมาก่อน จากนั้นให้เติมน้ำอุ่นๆ ลงในช่องด้านล่างสุด (จะไม่ต้มก็ได้) ส่วนช่องตรงกลางให้ใส่ผงกาแฟเข้าไป จากนั้นให้นำทั้งสามส่วนประกอบกลับเข้าด้วยกันแล้วนำไปวางบนเตา เมื่อเวลาผ่านไปกาแฟและน้ำร้อนจากชั้นด้านล่างจะดันตัวขึ้นมาอยู่ชั้นด้านบนสุด ก็ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการชงกาแฟแบบนี้ ถ้าใครยังไม่เห็นภาพ สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปรับชมกันต่อได้เลย
4. ไซฟ่อน (Syphon)
การชงกาแฟแบบไซฟ่อนหรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อการชงกาแฟแบบสุญญากาศ ที่เป็นวิธีการที่เก่าแก่มากๆ วิธีหนึ่ง และเป็นหนึ่งในวิธีการที่ใช้ความละเอียดและความแม่นยำสุดๆ โดยการชงกาแฟรูปแบบนี้จะต้องมีเครื่องมือสำหรับต้มแบบไซฟ่อนก่อน ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์มากๆ โดยหลักๆ อุปกรณ์ชิ้นนี้จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ
- ด้านบน – จะเป็นที่น้ำต้มด้านล่างจะดันขึ้นมา ตรงส่วนนี้จะใช้สำหรับชงกาแฟ
- ด้านล่าง – จะเป็นที่ใส่น้ำร้อน เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น น้ำจะดันตัวขึ้นไปด้านบน
โดยหลักการทำแบบคร่าวๆ คือ ตั้งเตา จากนั้นให้แยกชิ้นส่วนทั้งสองชิ้นออกมาก่อน จากนั้นให้เติมน้ำร้อนลงไปในส่วนด้านล่าง (แต่ถ้ายังไม่ร้อน ให้ต้มก่อนจนกว่าจะร้อน) จากนั้นให้นำส่วนด้านบนมาประกบเข้าด้วยกัน จากนั้นน้ำร้อนด้านล่างจะดันตัวขึ้นมา จังหวะนี้คุณสามารถใส่เมล็ดกาแฟที่บดแล้วลงไปได้เลย จากนั้นให้กำหนดเวลา คนให้ถูกวิธี เมื่อทำทุกอย่างเสร็จให้ดับไฟ กาแฟจะไหลกลับลงไปในหม้อด้านล่าง ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ซึ่งถ้าใครอยากทราบข้อมูลละเอียดๆ สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปรับชมกันต่อได้เลย
5. เอสเปรสโซ่ (Espresso)
นอกจาเป็นชื่อกาแฟแล้ว เอสเปรสโซ่ยังเป็นวิธีการชงกาแฟอีกด้วย โดยการชงกาแฟแบบนี้จะเป็นการชงโดยใช้วิธีอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นและหนักแน่นต่างจากกาแฟทั่วไปที่ชงผ่านน้ำหยด ใครอยากเห็นภาพชัดๆ สามารถคลิ้ก ที่นี่ เพื่อไปรับชมกันได้เลย
.
**วิธีการชงกาแฟแต่ละรสชาติที่เรานำมาฝากนั้นไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการเหล่านี้ เพียงแต่เป็นเทคนิคที่คุณสามารถนำไปลองฝึกเองที่บ้านได้
.
ลักษณะเด่นและวิธีการชงกาแฟแต่ละรสชาติ
1. เอสเปรสโซ่ร้อน (Hot Espresso)
เป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตประจำคาเฟ่ โดยจะมีลักษณะเป็นกาแฟที่มีรสชาติหนักแน่น ซึ่งมีวิธีการชงที่ง่ายดายมากๆ โดยมีสิ่งที่ต้องเตรียมและวิธีการทำ ดังนี้
.
สิ่งที่ต้องเตรียม
- เครื่องชงกาแฟ (ถ้ามี)
- เมล็ดกาแฟบด 2 ออนซ์ หรือผงกาแฟทั่วไป
- นมข้นหวาน 0.5 ออนซ์
- นมข้นจืด 0.5 ออนซ์
- นมสดสำหรับทำฟองนม (ไม่มีก็ได้)
.
ขั้นตอนการทำ
- ให้นำเมล็ดกาแฟที่บดแล้วไปเข้าเครื่องชงกาแฟแล้วกลั่นออกมาให้ได้ทั้งหมด 2 ออนซ์ แต่ถ้าไม่มีเครื่องชงกาแฟ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นผงกาแฟสัก 2-3 ช้อน จากนั้นให้เติมน้ำร้อนลงไป 2 ออนซ์
- เมื่อได้กาแฟแล้วให้นำนมข้นหวาน และนมข้นจืดใส่ลงไป คนให้เข้ากันจนเกิดฟอง
- นำนมสดไปตีให้ขึ้นฟองแล้วราดด้านบนเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม และความหอม เป็นอันเสร็จสิ้น
.
หากคุณต้องการดื่มแบบใส่น้ำแข็งอาจจะต้องเพิ่มปริมาณกาแฟและส่วนผสมเข้าไปเพิ่มไม่อย่างนั้นกาแฟอาจจะจืดเกินไปได้ ถ้าคุณเป็นคนไม่ติดหวาน สูตรด้านต้นก็น่าจะเพียงพอกับความต้องการแล้ว
.
2. มอคค่า
มอคค่าเป็นกาแฟในดวงใจของหลายคน เพราะมีรสชาติของโกโก้มาเสริมรสชาติของกาแฟทำให้รสชาติของกาแฟไม่หนัก และทำให้มีรสชาติหอม หวาน อร่อย ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยชอบรสขมของกาแฟ
.
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กาแฟ 1-2 ช้อน
- โกโก้ผง 3-4 ช้อนชา (เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสขมของกาแฟเลย)
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- นมข้นหวาน 50 มล.
- น้ำร้อน 125 มล.
- ครีมเทียม 1 ช้อนชา
- น้ำแข็ง
- นมสดสำหรับโรยหน้า (ไม่จำเป็นต้องใส่)
.
ขั้นตอนการทำ
- นำผงโกโก้ กาแฟ และน้ำตาลทราย มาเทลงในแก้ว
- เติมน้ำร้อน จากนั้นค้นให้ทั้งสามส่วนผสมละลายเข้าด้วยกัน
- เติมนมข้นหวานและครีมเทียม จากนั้นคนให้ละลาย
- หากอยากให้มอคค่าของคุณมีความหอมมันมากยิ่งขึ้น สามารถเติมนมสดลงไปอีกได้
.
3. คาปูชิโน่
คาปูชิโน่เป็นกาแฟที่มีความเข้มข้น แต่กลมกล่อมด้วยกลิ่นของนม เหมาะสำหรับคนที่เริ่มดื่มกาแฟ เพราะเป็นกาแฟที่ไม่เข้มข้นมากนัก
.
สิ่งที่ต้องเตรียม
- กาแฟเอสเพรสโซ่ 1.5 ช็อต (ใช้กาแฟผงชงกับน้ำร้อนแทนได้)
- นมข้นหวาน (ปริมาณขึ้นอยู่กับคุณว่าชอบหวานหรือไม่)
- นมสด
- ฟองนม
.
ขั้นตอนการทำ
- นำกาแฟและนมข้นหวานมาชงและคนเข้าด้วยกัน
- ให้ผสมกาแฟและนมสดในปริมาณ 1:1 เช่น กาแฟ 2 ออนซ์นมสด 2 ออนซ์ หรือกาแฟครึ่งแก้วนมสดครึ่งแก้ว
- นำฟองนมมาโรยไว้ด้านบน
.
4. ลาเต้
เป็นกาแฟที่เรายังลิ้มรสได้ถึงกาแฟอยู่ แต่จะมีความกลมกล่อมของนมในปริมาณที่มากกว่า ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มดื่มกาแฟอีกเมนูหนึ่ง
.
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ผงกาแฟ
- น้ำร้อน
- นมข้นหวาน (ปริมาณขึ้นอยู่กับคุณว่าชอบหวานหรือไม่)
- นมสด
.
ขั้นตอนการทำ
- ชงผงกาแฟกับน้ำร้อนให้ได้ปริมาณ 1:3 ของนมข้นหวานและนมสด
- เติมนมข้นหวานและนมสดให้อยู่ในปริมาณ 2:3 ของปริมาณกาแฟ เช่น คุณจะชงใส่แก้วปริมาณ 3 ออนซ์ จะต้องเป็นกาแฟ 1 ออนซ์ ส่วนนมและนมข้นหวานจะต้อง 2 ออนซ์
.
5. กาแฟโบราณ (โอเลี้ยง)
ถ้ายังคิดไม่ออกว่าจะลองทำเมนูไหนดี ลองทำกาแฟโบราณหรือที่ใครหลายคนเรียกว่าโอเลี้ยงก็เป็นไอเดียที่ดีเช่นกัน ซึ่งจะมีวิธีทำอย่างไรบ้างนั้นเรามาดูกัน
.
สิ่งที่ต้องเตรียม
- ผงโอเลี้ยง 2-3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 0.5 – 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นหวาน 2-3 ช้อนโต๊ะ
- นมข้นจืด
- ถุงชงกาแฟ
.
ขั้นตอนการทำ
- เริ่มต้นด้วยต้มน้ำร้อนให้เดือด
- นำถุงชงกาแฟใส่ลงในเหยือกสแตนเลส จากนั้นให้นำผงโอเลี้ยงใส่ลงไปในถุงและเติมน้ำร้อนทิ้งไว้ 7-10 นาที
- นำกาแฟที่ได้ไปใส่แก้ว จากนั้นให้นำส่วนผสมอื่นๆ ผสมลงไปได้เลย แล้วปิดท้ายด้วยการใส่นมข้นจืด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว
.
ขอขอบคุณต้นฉบับสูตรกาแฟจาก: คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก) จาก THAI SMEsCENTER
อุปกรณ์ชงกาแฟที่น่าสนใจ
นอกจากจะรู้สูตรในการชงกาแฟแล้ว หากคุณมีเครื่องชงกาแฟดีๆ ติดบ้านเอาไว้ จะทำให้คุณชงกาแฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วยนะ ซึ่งจะมีรุ่นไหนบ้าง มาดูกันเลย
MINIMEX
เครื่องชงกาแฟ ESPRESSO
ราคา: 3,290 บาท
DUCHESS
ชุดเครื่องชงกาแฟ รุ่น CM4200B
ราคา: 3,590 บาท
GAGGIA
เครื่องชงกาแฟ ESPRESSO รุ่น VIVADLX
ราคา: 6,990 บาท
และนี่ก็คือทั้งหมดที่ Central Inspirer นำมาฝากคุณในวันนี้ หวังว่าคุณคงพอจะได้ไอเดียในการชงกาแฟแก้วโปรดด้วยตัวคุณเองแล้ว รับรองว่าคุณจะต้องสนุกกว่าการกินกาแฟสำเร็จรูปแน่ๆ และสำหรับใครที่สนใจอยากจะช้อปปิ้งกันต่อ สามารถไปช้อปกันได้เลยที่ Central Online แหล่งรวมสินค้าพรีเมี่ยม ที่มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย