เมื่อพูดถึงแฟชั่นแบรนด์ดังระดับโลก PRADA จากมิลาน อิตาลี เราจะนึกถึงรันเวย์แฟชั่น Read-to-Wear สุดอลังการที่บ่งบอกถึง DNA ของแบรนด์อย่างเด่นชัด ตั้งแต่ Miuccia Prada ได้เข้าร่วมบริหารกิจการของครอบคัวในช่วงยุคปี 70s เธอได้สร้างความเปลี่ยนแปลง ครีเอทไอเทมที่เป็นตำนานให้ PRADA อย่างมากมาย อาทิ กระเป๋าไนล่อนสีดำรูปทรงต่างๆ รวมทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นลวดลายพิมพ์เท่ๆ ตามสไตล์ของ PRADA ซึ่งไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง และในปี ค.ศ. 2020 Raf Simmons ดีไซน์เนอร์คนดังได้เข้าร่วมงานกับ PRADA ในฐานะ Co-Creative Director เคียงคู่กับ Miuccia Prada จากนั้นเอง ความนิยมในแบรนด์ PRADA ได้ทะยานพุ่งสูงขึ้นไปทั่วโลก
ปีนี้ PRADA ได้เดบิวไฟน์จิวเวลรี่คอลเล็คชั่นแรกในนาม “Eternal Gold” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ PRADA ก้าวเข้าสู่วงการเครื่องประดับชั้นสูง จุดเริ่มต้นของไฟน์จิเวลรี่จาก PRADA เริ่มด้วยการที่ Timothy Iwata จิวเวลรี่ไดเรคเตอร์ของ PRADA ผู้ผันตัวจาก CATIER เพื่อเข้ามาร่วมทีมดีไซน์กับ PRDADA ในปี ค.ศ. 2021 เขาได้เข้าประชุมกับทีมงานในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาเพื่อค้นหาความหมาย และความต้องการของคนในการสวมใส่เครื่องประดับ โดยเฉพาะเครื่องประดับชั้นสูง และพวกเขาได้ค้นพบคำตอบว่าเครื่องประดับทอง เช่น จี้รูปหัวใจ ช่วยส่งต่อความรักให้กับผู้คนที่มีความรักต่อแบรนด์ PRADA ทั่วโลก
สำหรับ PRADA เครื่องประดับคอลเล็คชั่น “Eternal Gold” นั้นไม่มีเพศ หรือ Genderless เป็นไฟน์จิวเวลรี่ที่เหมาะกับทุกคนอันได้แรงบันดาลใจจากเครื่องประดับสไตล์วินเทจของ Miuccia Prada ที่มีขนาดใหญ่หลากหลายชิ้นที่เธอนิยมสวมใส่ เช่น สร้อยคอพร้อมจี้รูปหัวใจที่ทำให้นึกถึงความเย้ายวนของความรักในเทศกาลวันวาเลนไทน์ ส่วนตอนปลายของหัวใจจะถูกสลักด้วยโลโก้สามเหลี่ยมของ PRADA ที่ทำให้ดูโดดเด่น หรูหรา น่าสวมใส่ แถมมีน้ำหนักเบา
เครื่องประดับคอลเล็คชั่นนี้มีดีไซน์ที่เน้นความแตกต่างและแปลกใหม่ในทุกชิ้นงาน ไฟน์จิวเวลรี่คอลเล็คชั่น “Eternal Gold” นี้ประกอบไปด้วยเครื่องประดับถึง 48 ชิ้น โดย 10 ชิ้นจะเป็นเครื่องประดับแบบ Made-to-Order ที่คุณสามารถสั่งทำเป็นพิเศษ เช่น โชคเกอร์กำมะหยี่สีม่วงสวย ร้อยเข้ากับจี้โลโก้ PRADA สามเหลี่ยมสีทองอันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ซึ่งนำความงดงามของดีไซน์ในยุควิคตอเรียที่สามารถเข้ากับได้ดีกับชุดกลางวัน Maya Hawke ดาราและนางแบบคนสวย และ Amanda Gorman กวีและนักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันสวมใส่เครื่องประดับเหล่านี้เพื่อถ่ายทอดความงามของคอลเล็คชั่น “Eternal Gold” โดยผ่านฝีมือของช่างภาพแฟชั่นคนดัง David Sims
เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวอิตาเลียนนั้นเป็นช่างทองที่มีความชำนาญมาตั้งแต่สมัยโบราณ เครื่องประดับทั้งหมดในคอลเล็คชั่นนี้ถูกออกแบบโดยฝีมือของช่างทองชาวอิตาเลียน ทุกไอเทมผลิตในอิตาลี ทุกดีไซน์ได้ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดต่างๆ และถูกออกแบบได้อย่างทันสมัยและดูแปลกตา เช่น กำไลแขนทองที่ออกแบบเหมือนงูที่กำลังโอบกระหวัดรัดท่อนแขน เป็นดีไซน์ที่ดูเรียบหรู มีโลโก้ของ PRADA อยู่ด้านบนของหัวงู กำไลแขนชิ้นนี้ต้องใช้เวลาในการผลิตถึง 4 อาทิตย์ เพื่อให้สวมใส่และถอดออกได้ง่าย ดูสง่า งดงาม และล้ำค่าสุดๆ
นอกจากดีไซน์และเทคนิคในการผลิตที่สุดล้ำของไฟน์จิวเวลรี่คอลเล็คชั่น “Eternal Gold” แล้ว เครื่องประดับจาก PRADA ในคอลเลคชั่นนี้ ถือเป็นเครื่องประดับที่เน้นการอนุรักษ์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งถือว่าเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวในโลกที่ทำได้ โดยใช้ทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ หรือ Recycled Gold 100% มาหลอมรวมกันเพื่อผลิตเครื่องประดับโดยไม่สร้างมลภาวะในการผลิตให้กับสิ่งแวดล้อม เครื่องประดับทุกชิ้นจะลงทะเบียนและได้รับการรับรองจาก Responsible Jewelry Council (RJC) องค์กรระหว่างประเทศที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และเป็นผู้นำสร้างมาตรฐานการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับทั่วโลก ทุกขั้นตอนการผลิตสามารถตรวจสอบได้ด้วยระบบ Blockchain หรือระบบเทคโนโลยีในการเก็บข้อมูล หรือ Data Structure ที่บอกว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิในเครื่องประดับแต่ละชิ้นที่ไม่มีไฟน์จิวเวลรี่แบรนด์ไหนในโลกจัดทำนอกจาก PRADA เครื่องประดับคอลเล็คชั่นแรกของ PRADA ในชุดนี้จึงใช้เวลาในการผลิตและออกแบบโดยใช้เวลานานเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในวงการจิวเวลรี่ระดับโลก
“Eternal Gold” ถือเป็นเครื่องประดับชั้นสูงคอลเล็คชั่นแรกจาก PRADA ที่สามารถหาซื้อและเลือกชมได้ในช็อป PRADA บางสาขาทั่วโลก ให้แฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ PRADA ให้ยลโฉมและเลือกมาเป็นเจ้าของ PRADA ยังคงก้าวต่อไปในการครีเอทและสร้างสรรค์เสื้อผ้าแฟชั่น และทุกผลิตภัณฑ์ที่บ่งบอกความเป็นตัวตนและความชำนาญของ PRADA แฟชั่นแบรนด์ชั้นสูงจากอิตาลี
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: thecut.com/ prada.com