รู้จักเลือกแอร์ให้เป็น ติดห้องไหนก็เย็นและประหยัด

อากาศร้อนๆ แบบนี้ก็ต้องเปิดแอร์ให้ชุ่มฉ่ำปอดกันสักหน่อย ทางเลือกที่ตอบโจทย์และโดนใจใครหลายๆ คนได้เป็นอย่างดี แต่จะดีกว่านี้มั้ยหากการเปิดแอร์ในห้องของคุณ จะมีอากาศที่เย็นชื่นใจทั่วทุกมุมห้อง แถมบิลค่าไฟยังเป็นมิตรต่อกระเป๋าสตางค์อีกด้วย วันนี้เราจะมาบอกเคล็ดลับหลากหลายวิธีที่จะช่วยคุณเลือกแอร์ให้ได้สเป็กที่ถูกใจ ติดส่วนใดของห้องจึงจะเย็นและประหยัดไฟ ดีต่อใจชาวเมืองเขตร้อนอย่างพวกเรา

เลือก BTU ของแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง

BTU ย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit เป็นขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดย 1 ตันความเย็นจะเท่ากับ 12,000 BTU/ชม. เราจึงควรคำนึงถึงขนาดของ BTU แอร์ให้มีความสัมพันธ์ที่พอดีกับขนาดของห้อง เพราะถ้าหากเลือกแอร์ที่มี BTU สูงหรือต่ำเกินไป แอร์จะต้องใช้พลังงานเยอะกว่าที่ควร ทำให้เปลืองไฟและลดอายุการใช้งานของแอร์ให้สั้นลงอีกด้วย โดยการคำนวณค่า BTU เพื่อที่จะเลือกแอร์ให้มีขนาดที่พอเหมาะกับห้องง่ายๆ ทำได้ตามนี้เลย

BTU

ซึ่งตัวแปรความร้อนแบ่งได้ 2 ระดับตามการใช้งานของห้อง
1. ตัวแปรความร้อนระดับ 700 ใช้กับห้องที่มีความร้อนต่ำ ใช้งานเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น
2. ตัวแปรความร้อนระดับ 800 ใช้กับห้องที่มีความร้อนสูง ใช้งานในเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่
และหากเพดานสูงกว่า 2.5 เมตร ให้บวกเพิ่มเติมไปอีก 5%

นอกจากลักษณะการใช้งานของห้องแล้ว ตำแหน่งทิศทางแสงแดดของห้องก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมกับขนาดห้องเช่นกัน เพราะจำนวน BTU ของแอร์ที่เท่ากันก็จริง แต่หากห้องของคุณเป็นห้องที่ไม่ได้อยู่ในทิศทางของแสงแดดจะมีพื้นที่มากกว่าห้องที่อยู่ในทิศทางของแสงแดด

ยกตัวอย่างเช่นแอร์ขนาด 9,000 BTU จะเหมาะสมกับห้องปกติขนาด 12-15 ตร.ม. แต่ถ้าห้องอยู่ในทิศทางของแสงแดดขนาดห้องที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 11-14 ตร.ม. เท่านั้น นั่นก็เพราะว่าห้องที่อยู่ในทิศทางของแสงแดดจะสัมผัสกับความร้อนมากกว่า ขนาดห้องจึงต้องมีขนาดเล็กกว่าห้องปกติเล็กน้อย

แล้วห้องของคุณเหมาะกับแอร์ BTU เท่าไรกันนะ มาดูกัน!

BTU VS ROOM

พวกเราทั้งหลายคงเคยได้ยินและคุ้นหูกับแอร์ระบบ Inverter กันมาบ้างใช่มั้ย แล้วรู้หรือไม่ว่าระบบ Inverter ในแอร์นั้นคือระบบที่ควบคุมการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งไมโครคอมพิวเตอร์จะทำการตรวจสอบอุณหภูมิทันทีหลังจากที่แอร์เริ่มทำงาน ผ่านการสั่งงานโดยตรงจากรีโมทคอนโทรล จากนั้นก็นำคำสั่งดังกล่าวมาใช้ในเรื่องของการปรับอุณหภูมิ ควบคุมความชื้นโดยอัตโนมัติและปรับความเย็นได้เร็วทันใจอีกด้วยล่ะ

categorytop_ac_vx13

ซึ่งการทำงานของแอร์ที่มีระบบ Inverter จะช่วยทำให้คุณประหยัดไฟได้อย่างดีเยี่ยมเลย เพราะการทำงานของระบบที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิโดยตรงจากมอเตอร์คอมเพรสเซอร์ สามารถเปลี่ยนเปลี่ยนความถี่การทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้ลดลง ส่งผลให้การดูดน้ำยาแอร์ลดลง การกินไฟของมอเตอร์แอร์ก็จะลดลงตามลำดับด้วยเช่นกัน

โดยการทำงานของแอร์ที่มีระบบ Inverter จะมีความแตกต่างกับแอร์ระบบธรรมดาตรงที่การทำงานของคอมเพรสเซอร์ เมื่อทำความเย็นได้ถึงจุดที่ต้องการแล้ว ระบบจะตัดการทำงานทันที เพื่อรอให้อุณหภูมิตกลงมาถึงระดับที่ต้องทำงาน จากนั้นคอมเพรสเซอร์จะเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่แอร์ระบบธรรมดาเริ่มทำงานจะกินไฟมากกว่าการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่แบบระบบ Inverter

categorytop_ac_vx18

แต่ใช่ว่าแอร์ระบบ Inverter จะมีแต่ข้อดีเลยเสียทีเดียว เพราะแอร์ระบบ Inverter มีข้อเสียตรงที่มีราคาสูงไปสักนิด และไม่เหมาะกับสถานที่ที่มีอุณหภูมิไม่คงที่อย่างเช่นตามห้างร้านที่มีการเปิด-ปิดประตูเพื่อเข้าออกบ่อยๆ ดังนั้นแอร์ระบบ Inverter จะเหมาะสมกับบ้านพัก ที่อยู่อาศัยมากกว่า

นอกจากนั้นเรายังต้องเอาใจใส่กับการติดตั้งแอร์ที่ต้องปรับทิศทางลมให้ตรงจุดที่ใช้งาน เพื่อให้ลมกระจายความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้อง ขอบอกเลยว่าไม่แนะนำให้ติดตั้งแอร์หันไปทางประตู เพราะอากาศจากแอร์จะถ่ายเทออกจากห้องไปทั้งหมด และที่สำคัญคุณๆ ทั้งหลายก็อย่าลืมล้างแอร์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพียงเท่านี้คุณก็จะชื่นฉ่ำใจกับอากาศเย็นสดชื่นของแอร์ที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย

 

[yith_wc_productslider id=48684]

ขอบคุณข้อมูลจาก iurban.in.th และ siamair.net